สำนักแต่ง 1016 Industries ได้ยกระดับความหล่อบนตัว Lamborghini Huracan Evo ด้วยชุดพาร์ทคาร์บอนไฟเบอร์ใหม่รอบคันที่สามารถลดน้ำหนักของตัวลดลงไปได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังอัพจูนขุมพลังให้เร้าร้อนมากขึ้น ดีดแรงม้าจากเดิมพุ่งไปถึง 651 ตัว
โดยในชุดแต่งรอบคันของทางสำนักแต่ง 1016 Industries ชุดพาร์ททั้งหมดผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ ที่เน้นในเรื่องน้ำหนักที่เบา เริ่มจากด้านหน้าติดตั้งในส่วนลิ้นหน้าใหม่ทั้งชุด มาพร้อมกับฝากระโปรงหน้าที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งแผ่น โดยจะมีน้ำหนักที่เบากว่าของเดิมที่มาจากโรงงานถึง 8 ปอนด์ หรือประมาณ 3.6 กิโลกรัม
เสริมความดุดัน และร้อนนแรงให้มากยิ่งในบนตัวซุปเปอร์คาร์จากอิตาลี ให้เหมือนกับรถในสนามแข่ง ด้วยการติดตั้งครีบระบายอากาศบริเวณซุ้มล้อหน้า ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตัว Lamborghini Huracán Super Trofeo Evo โดยในชุดพาร์ทที่บังโคลนหน้านี้ยังสามารถที่จะลดน้ำหนักลงไปได้อีกถึง 11 ปอนด์ หรือราว 5 กิโลกรัม เลยที่เดียว
ส่วนด้านท้ายของ Lamborghini Huracan Evo ที่ปรับแต่งโดยฝีมือ 1016 Industries นี้จะมากับ GT Wing คาร์บอนไฟเบอร์ที่มีขนาดใหญ่ ที่ทาง 1016 Industries การันตีจะเพิ่มประสิทธภาพในการยึดเกาะถนนในช่วงความเร็วสูง
อีกทั้งในส่วนดิวฟิวเซอร์ขนาดใหญ่ด้านหลัง กับสเกิร์ตด้านข้างก็ปรับเปลี่ยนเป็นคาร์บอนเบอร์ทั้งหมด พร้อมกับปรับเปลี่ยนในส่วนปลายท่อไอเสียให้เป็นสแตนเลส เพื่อต้องการลดน่้ำหนักของตัวรถให้มากที่สุด ส่วนวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์นั้น จะมีให้เลือกทั้งแบบ Forged Carbon และ Twill Carbon ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าว่านิยมคาราร์บอนไฟเบอร์ลวยลายไหน
ด้านขุมพลังทาง 1016 Industries ได้อัพจูนในส่วนเครื่องยนต์ V10 5.2 ลิตร ส่งผลให้มีกำลังแรงม้าเพิ่มออกมาอีก 20 ตัว และมีแรงบิดเพิ่มขึ้นอีก 26 นิวตัน-เมตร ส่งผลให้ Lamborghini Huracan Evo คันนี้มีกำลังอยู่ที่ 651 แรงม้า มาพร้อมกับแรงบิดสูงสุด 626 นิวตัน-เมตร ด้านความเร็วสูงสุดนั้นทาง 1016 Industries ไม่ได้เปิดเผยอกมา แต่ในรุ่นมาตรฐานที่ยัไม่ได้รับการปรับแต่ง Lamborghini Huracan Evo ก็มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.ในเวลาเพียง 2.9 วินาที ส่วนวคามเร็ซสูงสุดนั้นอยู่ที่ 325 กม./ชม.
ส่วนราคาค่าตกแต่งนั้นทาง 1016 Industries ไม่ได้แจ้งออกมาเช่นกัน เพียงแต่บอกว่าจะหักรายได้ 10 % จาการจำหน่าย ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2020 ไปบริจาคให้องค์การอนามัยโลกเพื่อต่อสู้กับโรค COVID-19 ที่กำลังระบาดอยู๋ในขณะนี้