ตามข้อมูลที่ FIA ได้เปิดเผยเกี่ยวกับเทคนิค เรื่องของ ตัวรถจะมีขนาดเล็กลงเพียงเล็กน้อย โดยความยาวจะอยู่ที่ 5,000 มิลลิเมตร และมีความกว้างที่ 1,700 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักที่เป็นจุดเด่นของ Formula E Gen 3 จะน้อยลงเกือบ 200 กิโลกรัม จากเดิมอยู่ที่ 900 กิโลกรัม และน้ำหนักที่หายไปนั้นมาจาก แบตเตอรี่ที่เบาลงกว่าเดิมนั่นเอง
ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งแต่เดิมนั้นติดตั้งเฉพาะที่ล้อหลัง ยังไม่รวมถึงมอเตอร์ไฟฟ้าสำรองที่ติดตั้งอยู่ที่เพลาขับหน้า ซึ่งนั่นหมายความว่า Formula E Gen 3 นี้ก็ยังคงขับเคลื่อนที่ล้อหลังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
และในฤดูกาล 2022/2023 ของ Formula E จะมีรูปแบบในการสลับเปลี่ยนรถระหว่างการแข่งเปลี่ยนไป ซึ่งจากเดิมที่ตัวรถมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ซึ่งจำทำให้ขับได้ระยะทางมาก จะถูกเปลี่ยนเป็นวนกลับเข้า Pit มาเพื่อชาร์จไฟในแบบรวดเร็ว และในขณะเดียวกันทาง FIA กำลังพิจารณาว่า ในรอบควอลิฟาย จะให้ใช้กำลังของรถเพิ่มเป็น 350 กิโลวัตต์ (470 แรงม้า) จากเดิม 300 กิโลวัตต์ (402 แรงม้า) หรือกำลังที่ว่านี้จะให้เก็บไว้ใช้เป็น Attack Mode รวมถึงการใช้ fan boost โดยในตัวเลือกอย่างหลังนี้ กำลังของรถจะอยู่ 250 กิโลวัตต์ (335 แรงม้า)
และสำหรับการแข่งขัน Formula E ทาง FIA ได้กำหนดเรื่องของค่าใช้จ่ายสูงสุดสำหรับรถแข่งอยู่ที่ 380,000 เหรียญ หรือประมาณ 11.32 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมแบตเตอรี่ และสามารถนำเอาชิ้นส่วนของผู้ผลิตมาใช้ได้อีกด้วย
