บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้ แก่เครือข่ายการผลิตระดับโลกของ BMW ผนึกกำลังด้วยการส่งออกรถยนต์ BMW X5 ใหม่ไปยังประเทศจีน และส่งออกมอเตอร์ไซค์ BMW R 1250 GS ไปยังประเทศอินเดีย สานความสำเร็จต่อเนื่องพร้อมตอบรับแนวทางการดำเนินงานของโรงงานในเครือข่ายบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั่วโลกในการผนึกกำลังการผลิตระหว่างโรงงานต่าง ๆ ในเครือข่ายเพื่อสร้างศักยภาพที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งภายในประเทศและในทุกภูมิภาคทั่วโลก และขับเคลื่อนความสามารถทางการผลิตระหว่างโรงงานในเครือข่ายอย่างเต็มสูบครบทั้งสามแบรนด์
มร. อูเว่ ควาส กรรมการผู้จัดการ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย กล่าวว่า “ในปัจจุบัน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีโรงงานผลิตและประกอบยานยนต์ ในเครือข่ายทั้งหมด 31 แห่ง ใน 15 ประเทศทั่วโลก มุ่งประสานความร่วมมือจากโรงงานแต่ละแห่งเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากทรัพยากรและกำลังการผลิต ทำให้เรามีประสิทธิภาพในการรับมือกับปัญหาในตลาดต่าง ๆ ได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งนับตั้งแต่ก่อตั้งโรงงานในปี 2543 เราได้ใช้เงินลงทุนจำนวน 5.47 พันล้านบาท (ประมาณ 143 ล้านยูโร) ในการก่อสร้าง และขยายกระบวนการประกอบ และได้ลงทุนเพิ่มอีก 818.6 ล้านบาท (ประมาณ 21 ล้านยูโร) ในปี 2561 โดยที่ยังคงรักษามาตรฐานระดับโลกของ BMW ไว้ได้ อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งในด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และกลยุทธ์ในการบริหารทรัพยากร เช่นเดียวกับเครือข่ายการผลิตของ BMW ทั่วโลก”
นอกจากการส่งออก BMW X5 ไปยังประเทศจีนแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ยังเดินหน้าเสริมศั กยภาพการประกอบมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด โดยตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้เริ่มการส่งออกรถแอดเวนเจอร์ ไบค์ใหม่ไปยังประเทศในทวีปเอเชีย ได้แก่ จีนและอินเดีย การร่วมผนึกกำลังกับประเทศอินเดียนั้นอยู่ภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพทางการผลิตระหว่างโรงงานในเครือข่ายบีเอ็มดับเบิลยูให้มีประสิทธิภาพ และความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น
“นอกจากนี้ เพื่อรองรับความร่วมมื อในเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) เรายังได้ยกระดับกลยุทธ์การผลิ ตเพื่อเพิ่มขีดการแข่งขันของภู มิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเราได้เสริมความแข็งแกร่ งระหว่างประเทศในเครือข่าย สะท้อนถึงกลยุทธ์ ‘Production follows the Market’ ที่มุ่งปรับกำลังการผลิตให้ เหมาะสมกับข้อกำหนดและบริ บทในแต่ละประเทศ ทำให้เราสามารถนำเสนอราคาที่แข่ งขันได้มากขึ้น สนับสนุนเศรษฐกิจในประเทศ รวมทั้งพัฒนาประสิทธิ ภาพและความยืดหยุ่นของเครือข่ ายการผลิตในประเทศไทยและมาเลเซี ย เรามีความเชื่อมั่นในศั กยภาพการเติบโตของตลาดในเอเชี ยตะวันออกเฉียงใต้ และยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้ างความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในภู มิภาคนี้” มร. อูเว่ กล่าวเสริม
คุณเปรมมณีย์ ทรัพย์โชคไชย พาณิชย์จังหวัดชลบุรี กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “ในฐานะประเทศที่มีกำลังการผลิตรถยนต์มากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อุตสาหกรรมยานยนต์คิดเป็น 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไทย ด้วยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) นับเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ สร้างการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งเม็ดเงินลงทุนของบีเอ็มดับเบิลยูในโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะ จังหวัดระยอง ก็มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และยังเป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการที่แสดงเจตนารมณ์ ในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของไทยด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญที่ได้มาตรฐานระดับโลก ในโอกาสนี้ ดิฉันจึงขอแสดงความยินดีกับ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยกับความสำเร็จด้านการส่งออก และเชื่อว่าบีเอ็มดับเบิลยูจะยังเล็งเห็นศักยภาพในการเติบโตของประเทศไทยในด้ านยนตรกรรมต่อไป”
คุณนิมิตร แสงอำไพ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง กระทรวงการคลัง กล่าวว่า “สำนักงานศุลกากรยินดีเป็นอย่ างยิ่งกับอีกความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ที่ได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายทั้งด้านการผลิต และการส่งออกไปสู่ประเทศต่างๆ ทั้งในอาเซียนและในระดับภูมิภาคเอเชีย เราจะยังคงสนับสนุนการดำเนินงานในเขตปลอดอากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจประเทศไทย ในนามของสำนักงานศุลกากรและกระทรวงการคลัง เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ ได้ร่วมสนับสนุน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยต่อไป”
โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ในจังหวัดระยอง ถือเป็นหนึ่ งในโรงงานประกอบยานยนต์ที่มี ประสิทธิภาพและความยืดหยุ่ นมากที่สุดในเครือข่ายทั่ วโลกของบีเอ็มดับเบิลยู รองรับการประกอบยนตรกรรมของทั้งบีเอ็มดับเบิลยู และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ทั้งหมด 14 รุ่น ได้แก่ BMW Series 3 Gran Turismo, BMW Series 5, BMW Series 7, BMW X1, BMW X3 และ BMW X5 สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ BME F750 GS, BMW F 850 GS, BMW F 850 GS Adventure, BMW R 1250 GS, BMW R 1250 GS Adventure, BMW S 1000 R, BMW S 1000 RR และ BMW S 1000 XR โดยมีบุคลากรกว่า 950 คน และยังคงมีแผนในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการถ่ายทอดทักษะความเชี่ยวชาญที่ได้มาตรฐานในระดับโลกเพื่อพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และสร้างรายได้เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
นอกเหนือจากความสามารถในด้านการผลิตแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ยังยึดมั่นในหลักการแห่งความยั่งยืนในทุกมิติของการดำเนินงาน อันเป็นอีกหนึ่งความโดดเด่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งไม่เพียงกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในกระบวนการการผลิตรถยนต์ที่ มีประสิทธิผลมากขึ้น แต่ยังมุ่งเสริมกำลังในเครือข่ายการผลิตเพื่อให้สามารถใช้ ประโยชน์สูงสุดจากทรัพยากร ควบคู่ไปกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ในปี 2561 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้สร้างสติถิใหม่ ในการลดอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่อการผลิตรถยนต์ 1 คัน ซึ่งลดลงถึง 2.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า คิดเป็น 0.40 ตัน/คัน โดยใน 5 ปีที่ผ่านมานี้ ตัวเลขดังกล่าวนี้ได้ลดลงถึง 39% สอดคล้องกับอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์รวมจากเครือข่ายการผลิต ที่ลดลง 2.7% เมื่อเทียบกับปีที่ก่อนหน้า แสดงให้เห็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ ถึงเจตนารมณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั้งในการสร้างสรรค์นวัตกรรม และบริการใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และการพัฒนาเพื่อก้าวไปสู่ อนาคตแห่งยนตรกรรมที่มีความยั่งยืน