โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส ยกทัพยนตรกรรมสุดหรูแบบ ‘Full Range’ จัดแสดงในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกบนเวทียานยนต์อันโด่งดังระดับภูมิภาคนี้ เมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา Rolls-Royce ได้ก้าวไปข้างหน้าอีกขั้น ด้วยยอดขายทั่วโลกต่อปีสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ อีกทั้งยังเป็นปีที่บริการสั่งผลิตพิเศษ ประสบความสำเร็จอย่างสูง ในปีนี้ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก ยังคงเดินหน้าอย่างเต็มที่ เพื่อนำเสนอการออกแบบอันยอดเยี่ยม สำหรับไลฟ์สไตล์อันหรูหราเหนือระดับ ที่คู่ควรแก่ลูกค้ากลุ่ม HNWI (High Net Worth Individual) ในประเทศไทย
เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงอัตลักษณ์อันแตกต่างของยนตรกรรมแต่ละรุ่น โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก ได้จับมือกับเซเลบริตี้และแฟชั่นดีไซเนอร์ชาวไทย คุณทัตวร สุกัณศีล ผู้ก่อตั้งและครีเอทีฟ ไดเรคเตอร์ แบรนด์ VVON SUGUNNASIL ในการออกแบบและสรรสร้างเสื้อผ้าคอลเลกชั่นพิเศษจำนวน 5 ชุด สะท้อนบุคลิกของรถยนต์แต่ละรุ่น ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาให้แตกต่างกัน เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ การใช้งาน และโอกาสต่างๆ อย่างไร้ที่ติ สำหรับยนตรกรรมที่จัดแสดงในงาน Motor Show 2019 ประกอบไปด้วย
Rolls-Royce Phantom สัญลักษณ์แห่งความหรูหราขั้นสูงสุด
ยานยนต์ที่จัดได้ว่าเป็นราชาแห่งยนตรกรรมในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 ได้แก่ โรลส์-รอยซ์ แฟนธอม เจเนอเรชันที่ 8 ที่มาในโทนสีกันเมทัล (Gunmetal) และสีเงิน (Silver) พร้อมการตกแต่งภายในด้วยโทนสีซีเชลล์ (Seashell) และสีน้ำเงินกรมท่า (Navy Blue) ตัดกันอย่างลงตัวกับแผงวีเนียร์สีเปียโน แบล็ค (Piano Black) ซึ่ง แฟนธอม นับเป็นยนตรกรรมเรือธงในสายพันธุ์ทั้งหมดของ โรลส์-รอยซ์ ดังสมญานามที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และเป็นไอเท็มหายาก ซึ่งเป็นที่ต้องการมากที่สุดในโลกแห่งความหรูหรา ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ วี12 ทวินเทอร์โบ ที่มีความนุ่มนวลและรังสรรค์ด้วยสถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรา (Architecture of Luxury) โครงสร้างอะลูมิเนียมถูกพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แฟนธอม คือ คำกำจัดความที่ดีที่สุด ของนวัตกรรมการขับที่นุ่มนวลเหมือนพรมวิเศษ (Magic Carpet Ride) ของ Rolls-Royce ซึ่งมอบสัมผัสและประสบการณ์ความนุ่มเงียบ สะดวกสบาย และหรูหราขั้นสูงสุด
แฟนธอม ถูกพัฒนาด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยมีอินเตอร์เฟสที่เป็นดิจิตัลทั้งหมด ระบบควบคุมที่ใช้งานง่าย และชุดฟังก์ชันด้านความปลอดภัยต่างๆ สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เทคโนโลยีไฟเลเซอร์ได้ถูกนำมาใช้กับไฟหน้ารถ ในขณะที่ระบบกล้อง 3 มิติ บนกระจกหน้ารถจะประเมินสภาพความขรุขระของผิวถนนเบื้องหน้า และสั่งการไปยังระบบช่วงล่างถุงลมทั้ง 4 จุด ให้ปรับสภาพกว่า1,000,000 ครั้ง/วินาที เพื่อเตรียมรับมือกับการกระแทกและพื้นผิวขรุขระทุกรูปแบบ ผลลัพธ์คือ ความนุ่มนวลแห่งการขับเคลื่อน เสมือนลอยอยู่บนพรมวิเศษ
นอกจากนั้น แฟนธอม ก็เป็นเสมือนผ้าใบผืนใหญ่ ที่พร้อมเปิดรับการแสดงศักยภาพของงานสั่งผลิตพิเศษ ภายใต้จินตนาการไร้ขอบเขต ให้กับรถยนต์อัลตราลักซ์ชัวรีของตนเอง เช่น ห้องโดยสารของ แฟนธอม ที่ถูกจัดแสดงในงานนี้ ถูกติดตั้งเส้นไฟเบอร์ออฟติกแอลอีดีกว่า 1,340 จุด บนเพดาน ที่เนรมิตเพดานห้องโดยสารให้เต็มไปด้วยแสงดาวระยิบระยับราวกับท้องฟ้ายามราตรี หรือที่รู้จักกันในนาม Starlight Headliner อันเป็นเอกลักษณ์
Rolls-Royce Ghost ราชาแห่ง Business Limousine
โกสต์ ยังคงเป็นฐานกำลังสำคัญของ Rolls-Royce ในประเทศไทย โดยเป็นสัญลักษณ์ที่ป่าวประกาศการมาถึงของนักธุรกิจและผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ ผู้ก่อให้เกิดคลื่นแห่งความมั่งคั่งลูกใหม่ จากการบรรลุเป้าหมายความสำเร็จของตนเอง โกสต์ที่นำมาแสดงในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 นี้ ได้แก่ยนตรกรรมโกสต์ ซีรีส์ II ตัวถังสีแบล็คเคิร์สช์ (Black Kirsch) พร้อมด้วยฝากระโปรงรถพื้นผิวซาตินสีเงิน (Silver) ประกอบกับ 2 โทนสีในห้องโดยสาร คือ ดำและสีครีมไลท์ (Crème Light) ที่เข้ากันกับแผงหน้าปัดสีมะฮอกกานี (Mahogany)
เส้นสายตัวถังอันงามสง่า พร้อมเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ สะกดทุกสายตาเมื่อ โกสต์ โลดแล่นบนท้องถนนในกรุงเทพฯ ในขณะที่ผู้โดยสารอิ่มเอมจากความหรูหราสะดวกสบาย โกสต์ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน วี12 สูบ 6.6 ลิตร ทวินเทอร์โบ มีแรงบิดมหาศาล สามารถเร่งความเร็วได้อย่างราบรื่นและฉับไว ขณะที่ช่วงล่างถุงลม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการขับขี่ที่นุ่มนวลราวกับพรมวิเศษ (Magic Carpet Ride) อีกด้วย
ห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุหนังแท้, ไม้ และโลหะคุณภาพสูง พร้อมฟังก์ชันความบันเทิงสำหรับเบาะหลัง ที่จะทำให้การเดินทางไกลไม่น่าเบื่อ ผสานสัญญานไวไฟบนรถ ทำให้ โกสต์ ซีรีส์ II เป็นเสมือนห้องรับรองสุดหรู ที่ผู้โดยสารสามารถทำงานหรือดูแลธุรกิจระหว่างการเดินทาง ขณะที่ระบบ Satellite Aided Transmission (SAT) ช่วยควบคุมการขับเคลื่อนของรถ พร้อมปรับการตอบสนองให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมโดยอัตโนมัติ เพื่อการขับที่นุ่มนวลและเป็นเลิศ
Rolls-Royce Wraith Black Badge: อีกมิติแห่งเสน่ห์อันลุ่มลึกของ โรลส์-รอยซ์
เพื่อตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์อันหรูหราที่ปรับเปลี่ยนอยู่สม่ำเสมอ ของกลุ่มลูกค้าอายุน้อยที่ประสบความสำเร็จสูง โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส ได้ผลิตยนตรกรรมรุ่นพิเศษที่มีสไตล์ชัดเจนยิ่งขึ้น กับรุ่นย่อย ‘แบล็ค แบดจ์’ โดยนำเสนอตัวอย่างของนิยามแห่งความน่าค้นหา ด้วยยนตรกรรม เรธ แบล็ค แบดจ์ สีแอนธราไซต์ (Anthracite) เน้นความสง่างามน่าเกรงขาม ห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีขาวและสีแอนธราไซต์ (Anthracite) ผสานแผงวีเนียร์ Technical Fibre
เรธ แบล็ค แบดจ์ เป็น โรลส์-รอยซ์ที่มีความคล่องตัวที่สุด เครื่องยนต์เบนซิน วี12 สูบ 6.6 ลิตร ทวินเทอร์โบ 632 แรงม้า แรงบิด 870 นิวตันเมตร และท่อไอเสียแบบพิเศษ มีวาล์วเปิด-ปิดตามรอบเครื่องยนต์ ก็ช่วยให้ขับเคลื่อนอย่างเงียบเชียบในรอบต่ำ และดังกังวานเมื่อกดคันเร่ง
เรธ แบล็ค แบดจ์ อาจมีรูปลักษณ์ดุดัน แต่ทุกองค์ประกอบของห้องโดยสารก็แสดงให้เห็นถึงความละเอียดอ่อน และความใส่ใจในทุกรายละเอียดตามแบบฉบับของ โรลส์-รอยซ์ อาทิ เส้นใยอะลูมิเนียมเกรดที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.014 ม. ถักทอและผสมผสานกับคาร์บอนไฟเบอร์ เพื่อสร้างแผงหน้าปัดไฟเบอร์แบบใหม่ สำหรับ แบล็ค แบดจ์ มาพร้อมความพิเศษอื่นๆ ที่มีเฉพาะรุ่นนี้ คือ สัญลักษณ์ ‘สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี’ ชุบโครเมียมรมดำ, ปลายท่อไอเสียรมดำ, ล้อแม็กซ์คาร์บอนไฟเบอร์ และอื่นๆ
Rolls-Royce Dawn ยนตรกรรมเปี่ยมเสน่ห์อันเย้ายวน
โรลส์-รอยซ์ ดอว์น รถยนต์เปิดประทุน 4 ที่นั่ง ระดับอัลตราลักซ์ชัวรี อันโดดเด่นเย้ายวน ตัวถังสีเงิน ตัดกับฝากระโปรงรถสีน้ำเงิน ห้องโดยสารโทนสีซีเชลล์ (Seashell) และน้ำเงินกรมท่า (Navy Blue) ซึ่งยนตรกรรมดอว์นนั้น สืบทอดชื่อเสียงเรียงนามจาก โรลส์-รอยซ์ ซิลเวอร์ ดอว์น รุ่นปี 1952 รถยนต์สั่งผลิตพิเศษที่สร้างขึ้นเพื่อให้ลูกค้าได้ดื่มด่ำกับการขับรถเปิดประทุน ที่มีความหรูหราเหนือระดับ
รถคันนี้ยังคงความรื่นรมย์และสะดวกสบายไว้อย่างครบถ้วน ติดตั้ง ด้วยเบาะหลังขนาดมาตรฐาน 2 ดำแหน่ง โดยไม่มีการลดพื้นที่วางขาเหมือนรถเปิดประทุนส่วนใหญ่ เส้นสายอันงดงามทำให้รถดูปราดเปรียวคล่องแคล่วอย่างเป็นธรรมชาติ ผสานแผงหน้าปัดอันโดดเด่นและโครงสร้างตัวถังออกแบบใหม่ ให้แข็งแกร่งแม้เป็นรถเปิดประทุน
ดอว์น มอบความสะดวกสบาย ความหรูหรา และความเงียบสงบขั้นสูงสุดให้ผู้โดยสาร ตามแบบฉบับของ โรลส์-รอยซ์ การพัฒนาปรับแต่งทางวิศวกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของดอว์นได้ช่วยสนับสนุนการขับขี่แบบเปิดประทุน และถึงแม้หลังคาผลิตจากวัสดุที่เป็นผ้า ระดับเสียงจากภายนอกยังคงถูกควบคุมไว้ให้เท่ากับรถยนต์ที่มีหลังคาแบบปกติ ด้วยเทคนิคการใช้ผ้าที่ช่วยเก็บเสียงถึง 6 ชั้นและการเย็บตะเข็บแบบ French Seam อย่างไร้ที่ติ ผสานการคัดสรรวัสดุชั้นเลิศ ให้ผู้โดยสารรู้สึกผ่อนคลายในห้องโดยสารสุดหรู
Rolls-Royce Cullinan โรลส์-รอยซ์ แห่งเอสยูวี
คัลลิแนน คือ สมาชิกใหม่ล่าสุดที่ถูกเพิ่มเข้ามาในพอร์ทโฟลิโอของ โรลส์-รอยซ์ เป็นสิ่งเติมเต็มพันธกิจของแบรนด์ที่ต้องการตอบสนองต่อความชอบและไลฟ์สไตล์ความหรูหราที่แตกต่างของลูกค้า โรลส์-รอยซ์ แห่งเอสยูวีคันนี้ พร้อมสร้างนิยามใหม่ของการเดินทางอย่างมีระดับ ด้วยการขับสบาย...ไปทุกที่ เป็นดังยานยนต์ที่เหมาะสำหรับจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย โดยยังคงไว้ซึ่งคุณภาพ ความเชี่ยวชาญ และความหรูหรา
เอสยูวีคันแรกในประวัติศาสตร์ ของ โรลส์-รอยซ์ ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD) ร่วมกับนวัตกรรมทางเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น สถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรา (Architecture of Luxury) ระบบเลี้ยว 4 ล้อ ไฟหน้าเลเซอร์ และระบบความปลอดภัย เพื่อสร้างสรรค์ โรลส์-รอยซ์ ที่มีความอเนกประสงค์และทันสมัยที่สุด โหมด ‘Off-road’ ช่วยเพิ่มความสูงใต้ท้อง สามารถลุยน้ำได้ดี คัลลิแนนยังเป็นยานยนต์คันแรกของโรลส์-รอยซ์ที่มอบประสบการณ์ในการขับขี่แบบพรมวิเศษอันมีชื่อเสียงของแบรนด์บนเส้นทางออฟโรด
คัลลิแนน ตัวถังสีอินฟินิตี้ แบล็ค (Infinity Black) คาดข้างด้วยโค้ชไลน์สีส้มแมนดาริน (Mandarin) ห้องโดยสารผสมผสาน 3 โทนสี คือ ซิวาโร เกรย์ (Scivaro Grey), ดำ และส้มแมนดาริน ประดับแผงวีเนียร์จากไม้เชฟรอน เบาะ 4 ตำแหน่งแยกอิสระ ด้านหลังคั่นด้วยคอนโซลกลาง ภายในเป็นตู้แช่พร้อมชุดเครื่องดื่ม ทำให้ คัลลิแนน เป็นเสมือนเพชรน้ำงามอันเลอค่าของ โรลส์-รอยซ์
ทัพยนตรกรรมที่แข็งแกร่งที่สุดของ โรลส์-รอยซ์
วิสัยทัศน์ของ Rolls-Royce ที่ถูกนำเสนอในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 เป็นบทพิสูจน์ถึงความเป็นเลิศของแบรนด์ ที่มีต่อการผลิตรถยนต์ Bespoke โดยรับฟังความต้องการและความปรารถนาของลูกค้าอย่างดีที่สุด ส่งผลให้โรลส์-รอยซ์ แฟนธอม, โกสต์, เรธ, ดอว์น และ คัลลิแนน เป็นทัพยนตรกรรมหรูหรา สง่างาม และทรงพลังที่สุด