B-Quik Racing ประกาศรายชื่อและโปรแกรมลุยศึกใหญ่ปีนี้สำหรับนักแข่งจากโครงการ "B-Quik Junior Programme" หลังประเดิมศักราชใหม่ด้วยการทดสอบรถที่สนามพีระ โดย B-Quik Junior Programme เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้พนักงานด้านเทคนิคจากบริษัท B-Quik สมัครเข้าร่วมทีมทั้งในตำแหน่งนักแข่งรถและช่างเทคนิค เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะและความรู้ในเวทีระดับสูงของวงการมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับพนักงานต่อความก้าวหน้าในอาชีพของพวกเขา
นักแข่งผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจากโครงการบี-ควิก จูเนียร์ โปรแกรม ปีที่ 1 ได้แก่ นรินทร์ แนวสถล และ สถาพร วีระเชื้อ จะจับมือกันลงแข่งด้วยรถ Dodge Challenger หมายเลข 26 ลงสู้ศึกรายการ TA2 Thailand ในปีนี้ นรินทร์เคยเข้าร่วมการแข่งขันในฤดูกาลแรกของรายการ TA2 Thailand เมื่อปีที่แล้ว ขณะที่สถาพรนั้นถูกเสนอชื่อในตำแหน่งนักขับสำรอง สำหรับฤดูกาลที่ 2 นี้ การแข่งขันจะขยับเวลาเพิ่มเป็น 1 ชั่วโมง โดยมีข้อบังคับให้มีการเปลี่ยนตัวนักแข่งระหว่างเข้าพิท ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งกับโปรแกรมของทีมที่ทำให้นักแข่งทั้งสองสามารถแชร์รถแข่ง Dodge Challenger ร่วมกันได้
รถแข่งในรายการ TA2 Thailand เป็นรถโครงสร้างแบบ spaceframe มีบอดี้หลากหลายรูปแบบ ติดตั้งเครื่องยนต์ GM V8 ขนาด 6.2 ลิตร (ให้กำลัง 525 แรงม้า) พร้อมระบบกันสะเทือน 2 ทาง กล่องอีซียู MoTeC เกียร์ซีเควนเชียล รวมทั้งคุณสมบัติอื่นๆ ที่เสริมเข้ามาเพื่อเพิ่มความท้าทายให้กับนักแข่งและทีมงานในการปลดล็อกศักยภาพของรถ ดังนั้นนี่จึงเป็นรถที่เหมาะสมสำหรับนักแข่งจูเนียร์ โปรแกรมของทีมในการพัฒนาสู่อีกก้าวหนึ่ง หลังจากที่ผ่านก้าวแรกของพวกเขาในวงการมอเตอร์สปอร์ตด้วยการลงแข่งขันด้วยรถ Honda Brio และ Toyota Vios มาแล้ว
รายการ TA2 Thailand Championship 2019 จะจัดการแข่งขันบนสนามแข่งหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ สนามเซปัง เซอร์กิต มาเลเซีย, สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต บุรีรัมย์, สนามพีระ เซอร์กิต พัทยา และสนามบางแสน สตรีท เซอร์กิต ชลบุรี สนามเซปังและบุรีรัมย์เป็นสนามแข่งที่สามารถทำความเร็วได้สูง และเป็นสนามที่รองรับการแข่งขันระดับโลกอย่างฟอร์มูล่าวันและโมโตจีพี ด้านสนามพีระนั้นได้ชื่อว่าเป็นสนามประวัติศาสตร์ซึ่งมีความท้าทายอยู่ที่โค้งซึ่งคดเคี้ยวและแคบ ในขณะที่สนามบางแสนนั้นเป็นหนึ่งในสนามแข่งแบบสตรีทเซอร์กิตที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกสนามหนึ่งในวงการมอเตอร์สปอร์ต
สำหรับโปรแกรมในปี 2019 นี้ได้มีการพัฒนาขึ้นโดยทีมจะจับมือกับ Innovation Motorsport ซึ่งจะให้บริการทางด้านเทคนิคและให้การสนับสนุนนักแข่งสำหรับรถแข่ง Dodge Challenger หมายเลข 26 นอกจากนี้ในส่วนของ B-Quik Racing เองนั้นก็ได้ส่งทีมช่างรุ่นใหม่ให้เข้าร่วมทีม Innovation Motorsport เพื่อรับการฝึกอบรมและให้การสนับสนุนรถแข่ง Ford Mustang หมายเลข 55 ซึ่งขับโดย Mike Freeman และเพื่อนร่วมทีม รถแข่งทั้ง 2 คัน จะเข้าร่วมการแข่งขันในรายการ TA2 Thailand ฤดูกาลนี้ภายใต้ชื่อทีม "Innovation B-Quik Racing" ซึ่งหมายความว่าทั้งนักแข่งและทีมช่างจะมีแรงผลักดันเพิ่มขึ้นเพื่อการลุ้นแชมป์ประจำปีประเภททีมของรายการ TA2 Thailand และได้รับการสนับสนุนโดย B-Quik, Michelin, Mobil 1, Bendix, Yuasa, NGK, Liqui Moly, STI และ WAC Car Detailing.
Henk Kiks ผู้อำนวยการ B-Quik Racing ได้เปิดเผยว่า “เรารู้สึกพอใจกับผลงานเมื่อปีที่แล้วของนักแข่งจูเนียร์ โปรแกรมหลังจากที่เราเลือกเข้าร่วมแข่งขันในรายการ TA2 Thailand เพื่อขยับชั้นจากรถ Honda Brio และ Toyota Vios ดังนั้นมันจึงเป็นเหตุผลให้เราสานต่องานสำหรับปีนี้ และด้วยการแข่งที่ปรับเวลาขึ้นมาเป็นการแข่งขัน 1 ชั่วโมง นั่นเป็นโบนัสพิเศษ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้จับมือกับ Innovation Motorsport สำหรับการแข่งขันรายการ TA2 ในปี 2019 ชื่อเสียงของพวกเขาเป็นที่ประจักษ์ชัด และผมคิดว่าพวกเขาดีมากและมีความสามารถที่จะให้การสนับสนุนแก่นักแข่งและช่างของเรา เราคาดหวังว่าปีนี้จะทำผลงานได้ดี เพื่อสานต่อจุดเริ่มต้นที่เราได้ทำไว้ใน TA2 เมื่อปี 2018”
นรินทร์ แนวสถล ขักแข่งหมายเลข 26 ในรถ Dodge Challenger กล่าวว่า “ผมกำลังรอคอยการแข่งขันในฤดูกาลใหม่ ปีนี้ผมจะลงแข่งด้วยรถ Dodge Challenger และแชร์รถกับสถาพรซึ่งเป็นทีมเมทของผมมาตั้งแต่ตอนที่เราแข่งในรุ่น Super Eco การขับทดสอบที่พีระเป็นไปด้วยดี แม้ว่าเมื่อปีที่แล้วผมจะมีประสบการณ์จาก Camaro มาแล้ว แต่ผมคิดว่า Dodge Challenger นั้นแตกต่างจาก Camaro ดังนั้นผมจึงต้องเรียนรู้มันให้มากขึ้น และเรายังต้องแข่งขันในรูปแบบ 1 ชั่วโมง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องท้าทายสำหรับทุกคน ผมหวังว่าเราจะทำได้และทำผลงานได้ดีในปีนี้”
ขณะที่คู่หูอย่าง สถาพร วีระเชื้อ ก็ได้ให้ความเห็นว่า “ผมดีใจมากที่ปีนี้ได้มีโอกาสเข้าร่วมรายการ TA2 แบบเต็มฤดูกาล มันนานมากแล้วตั้งแต่ผมได้ขับทดสอบ Camaro ครั้งแรกที่บุรีรัมย์ น่าจะประมาณเกือบปีหนึ่ง ดังนั้นผมจึงรู้สึกตื่นเต้นแล้วก็กดดันนิดหน่อยระหว่างการทดสอบที่พีระ ทีมซัพพอร์ตให้คำแนะนำที่ดีกับผมซึ่งช่วยให้ผมรู้จักรถดียิ่งขึ้น Dodge Challenger เป็นรถที่ใหญ่ แรง และเร็วมาก ดังนั้นผมต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมและปรับตัวให้เข้ากับรถ ผมดีใจมากที่ได้รู้ว่าปีนี้จะได้แชร์รถกับนรินทร์ เราทำงานร่วมกันทั้งในฐานะนักแข่งและช่าง ดังนั้นผมคิดว่าเราจะเป็นคู่หูที่ดี ผมอยากขอบคุณ B-Quik Racing สำหรับโอกาสในครั้งนี้ และผมจะทำให้ดีที่สุดในปีนี้”
