แฟนความเร็วชาวไทยตื่นตาตื่นใจต้อนรับศักราชใหม่ ด้วยศึกมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกรายการ เอเชียน เลอ มังส์ ซีรีส์ 2018/2019 สนาม 3 ล่าสุดดวลความเร็วรอบควอลิฟายกระหึ่ม สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต โดยโพลโพซิชั่นเป็นของ อัลการ์ฟ โปร เรซซิ่ง ยอดทีมแข่งโปรตุกีส ที่ขับโดย แฮรริสัน นิวอี้ ยอดนักขับอังกฤษ ต้องวัดแชมป์กับ ยูไนเต็ด ออโต้สปอร์ต ทีมแข่งอเมริกันที่มีอดีตนักขับเอฟวัน อย่าง พอล ดิ เรสต้า เป็นตัวชูโรง ก่อนดวลความโหดแบบ 4 ชั่วโมงเต็ม
การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบมาราธอนชิงแชมป์เอเชีย รายการ เอเชียน เลอ มังส์ ซีรีส์ 2018/19 เตรียมดวลความมันส์สนามที่ 3 ของปีระหว่างวันที่ 11-12 มกราคมนี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยนับเป็นปีที่ 4 ที่จัดขึ้นในประเทศไทย และจัดตรงกับวันเด็กแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นอีกครั้งที่ฝ่ายจัดการแข่งขันเปิดโอกาสให้เยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปี เข้าชมฟรี เพื่อให้ได้สัมผัสประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตระดับโลกอย่างใกล้ชิด
ล่าสุด เป็นการแข่งขันรอบควอลิฟายเพื่อจัดอันดับสตาร์ทก่อนดวลความเร็ว 4 ชั่วโมงเต็มในวันเสาร์ โดยที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เต็มไปด้วยความคึกคักของทีมงานจากยอดทีมแข่งชั้นนำของเอเชีย และยุโรป ที่เตรียมพร้อมลงฟาดฟันในสุดสัปดาห์นี้ของ เอเชียน เลอ มังส์ สนามที่ 3 รวมถึงการแข่งขันซัพพอร์ตเรซอย่าง เอเชียน วินเทอร์ ซีรีส์ ซึ่งเป็นการแข่งขันฟอร์มูล่า 3 และศึกท็อปสปีด กับรถแข่งระดับตำนาน
โดยในการจับเวลารอบควอลิฟายของ เอเชียน เลอ มังส์ แบ่งรถแข่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ แอลเอ็มพีทู (LMP2) และ แอลเอ็มพีทรี (LMP3) ลงจับเวลาด้วยกัน ส่วนอีกกลุ่มเป็นรถแข่งในคลาส GT เพื่อจัดอันดับสตาร์ทของแต่ละกลุ่ม
ผลปรากฏว่าในคลาสสูงสุดอย่าง แอลเอ็มพีทู ตำแหน่งโพลโพซิชั่นตกเป็นของยอดทีมแข่งสัญชาติโปรตุกีสอย่าง อัลการ์ฟ โปร เรซซิ่ง ภายใต้รถแข่ง ลิเจียร์ พีทู จัดด์ หมายเลข 24 ที่ขับโดย แฮร์ริสัน นิวอี้ นักขับจากสหราชอาณาจักร กดเวลาต่อรอบ 1 นาที 25.571 วินาที โดยในการแข่งขัน 4 ชั่วโมง นิวอี้ จะลงทำหน้าที่ร่วมกับทีมเมทอย่าง อันเดรีย พิซซิโตล่า นักขับฝรั่งเศส
ส่วนกริดที่ 2 ในคลาสแอลเอ็มพีทู เป็นของจ่าฝูงบนตารางแชมเปี้ยนชิพอย่าง ยูไนเต็ด ออโตสปอร์ต ทีมแข่งอเมริกันภายใต้รถแข่ง ลิเจียร์ พีทู นินสัน หมายเลข 22 ที่ลงควอลิฟายโดย ฟิลลิป แฮนสัน นักขับอังกฤษ ทำเวลาต่อรอบ 1 นาที 25.956 วินาที ตามหลังหัวแถวเพียง 0.385 วินาที โดย แฮนสัน และอดีตนักขับรถสูตรหนึ่งอย่าง พอล ดิ เรซต้า จะลงล่าแต้มด้วยกันในวันเสาร์นี้ เพื่อโอกาสในการลุ้นแชมป์ประจำปีในเมืองไทย ด้านกริดที่ 3 ในคลาส แอลเอ็มพีทู เป็นของ อาร์อาร์ซี บราติสลาว่า ทีมแข่งจากสโลวาเกีย หมายเลข 4 ที่ขับโดย ดาร์เรน เบิร์ก นักขับอังกฤษ ตามหลังหัวแถวเพียง 0.540 วินาที
ด้านกริดสตาร์ทลำดับแรกในคลาส แอลเอ็มพีทรี เป็นของ รถแข่งหมายเลข 2 จากทีม ยูไนเต็ด ออโตสปอร์ต ที่ขับโดย เวย์น บอยด์ นักขับอังกฤษ ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 29.508 วินาที โดยจะจับคู่กับ แกเร็ตต์ กริสต์ นักขับแคนาเดียน และ คริส บันคอมบ์ ทีมเมทชาวอังกฤษในรอบชิงชนะเลิศ ส่วนกริดที่ 2 เป็นของรถแข่งหมายเลข 65 จาก ไวเปอร์ ไนซา เรซซิ่ง ทีมแข่งจากมาเลเซียที่ขับโดย ไนเจล มัวร์ นักขับอังกฤษ และ ดักลาส คู ตามหลังเพียง 0.098 วินาทีเท่านั้น ด้านกริดที่ 3 เป็นของรถแข่งหมายเลข 13 จากทีม อินเตอร์ ยูโรโปล คอมเพติชั่น จากโปแลนด์ ขับโดยนักขับโปลอย่าง จาคุบ ชมิคอฟสกี้ ด้วยเวลาตามหลัง 0.397 วินาที
ขณะที่กริดสตาร์ทในคลาสจีที ปรากฏว่าตำแหน่งโพลโพซิชั่นตกเป็นของรถแข่งเฟอร์รารี่ 488 จีที3 หมายเลข 51 จากทีม สปิริต ออฟ เรซ ทีมแข่งสัญชาติสวิส ที่ขับโดย อเลสซานโดร ปิแอร์ กูดี้ นักขับอิตาเลียน และ ออสวัลโด เนกรี จูเนียร์ ทีมเมทชาวอเมริกัน รวมถึง ฟรานเชสโก ปิโอวาเน็ตติ นักขับโปรตุกีส ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 32.617 วินาที เฉือนกริดที่ 2 อย่าง เฟอร์รารี่ 488 จีที3 หมายเลข 11 จาก คาร์ กาย ทีมแข่งญี่ปุ่นที่ขับโดย เจมส์ คาลาโด้ นักขับอังกฤษ, ทาเคชิ คิมูระ และ เคอิ คอซโซลิโน สองนักขับญี่ปุ่นเพียง 0.043 วินาที เท่านั้น ส่วนกริดที่ 3 เป็นของรถแข่ง อาวดี้ อาร์8 แอลเอ็มเอส หมายเลข 88 จาก เทียนฉี เรซซิ่ง ทีม จากจีน ที่ขับโดย ฌอง คาร์ล เวอร์เนย์ นักขับฝรั่งเศส ตามหลัง 0.561 วินาที
ทั้งนี้ สถานการณ์ลุ้นแชมป์ล่าสุดก่อนดวลสนาม 3 ในเมืองไทยนั้น จ่าฝูงในคลาสแอลเอ็มพีทู เป็นของ ยูไนเต็ด ออโตสปอร์ต หมายเลข 22 ที่ขับโดย ฟิลิป แฮนสัน นักขับอังกฤษ และ พอล ดิ เรสต้า อดีตนักขับฟอร์มูล่าวันชาวอังกฤษ ที่รั้งหัวแถวโดยมีทั้งสิ้น 37 คะแนน เหนืออันดับ 2 อย่างทีม สปิริต ออฟ เรซ หมายเลข 8 ที่ขับโดย อเล็กซานเดอร์ เวสต์ นักขับอังกฤษ, โคม เลโดก้า นักขับฝรั่งเศส และทีมเมทชาวบราซิเลียนอย่าง ปีโป้ เดรานี ตามหลัง 3 คะแนน
สำหรับศึก "เอเชียน เลอ มังส์ ซีรีส์" เป็นการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบมาราธอนชิงแชมป์เอเชีย โดยจะดวลความเร็ว ความโหดรอบชิงชนะเลิศในวันเสาร์ที่ 12 มกราคมนี้ แบบต่อเนื่อง 4 ชั่วโมงเต็ม ในระยะทางต่อรอบ 4.554 กิโลเมตร ของ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์