Idemitsu 600 Super Endurance 2018 ขึ้นชั้นเบอร์ 6 ของโลก ด้านทีม Wako’s แชมป์เก่าดวงแตก! ส่วนทีมแข่งจากฮ่องกงฝ่าดราม่าผงาดแชมป์แรกได้สำเร็จ โดยการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบมาราธอนสุดโหด รายการ Idemitsu 600 Super Endurance 2018 ออกสตาร์ทการดวลความเร็ว 10 ชั่วโมงเต็มในวันเสาร์ที่ 15 ธันวาคมนี้ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยในปีนี้มีรถแข่งเข้าร่วมดวลความเร็วทั้งสิ้น 81 คัน จาก 3 คลาส ได้แก่ Super Turbo Division 2, Super Turbo Division 3 และ Super Turbo Division 4 ซึ่งเกมส์การแข่งขันครั้งนี้เกมเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในเวลา 10.30 น. ภายใต้สภาพอากาศที่เย็น โดยไร้แสงแดด อุณภูมิแทร็กที่ไม่สูงนัก ขณะที่รถแข่งทั้ง 81 คัน ต้องทำการ Rolling Start เพื่อเริ่มเกมส์สุดโหด และนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของไทย ที่มีการแข่งขันซึ่งมีรถแข่งอยู่บนแทร็กพร้อมกันมากขนาดนี้
โดยตำแหน่งโพลในรุ่นใหญ่ที่สุดอย่าง Super Turbo Division 2 เป็นของ รถแข่ง GAC TRUMPCHI GA4 หมายเลข 245 จาก Team Endless ซึ่งขับโดย Deng Bao Wei, Yiu Lung, Cheung Chi Sing และ Man Ting Yu ขนาบข้างด้วย Honda FD2 หมายเลข 214 จากทีม 778 Auto Sport ที่ขับโดย Lo Ka Chun, Lo Pak Yu, Tsang Chi Kong และ Lo Hung Pui ส่วนกริดที่ 3 เป็นของรถแข่ง GAC TRUMPCHI GA4 หมายเลข 246 อีกคันจาก Team Endless ขับโดย Wang Wen Bin, Wang Jian Feng, Li Ying Xi และ Huang Tao
ส่วนในคลาส Super Turbo Division 3 ตำแหน่งโพลเป็นของรถแข่ง Honda Jazz หมายเลข 311 จากทีม Waxone Racing Project ที่ขับโดย ชนะพันธุ์ กิตติเกษม, พิพัฒน์ เพ็ชรรัตน์, ภัทรพล กรเวช และ อริยพล จิรโอฬารนนท์ ขนาบข้างด้วย Suzuki Swift หมายเลข 319 จาก Singha TT Motorsport ที่ขับโดย ชยุส ยังพิชิต, จักรพันธ์ ตันกำเนิด และ ฟรานชิสโก คาตาเนีย ตามด้วยรถแข่ง Toyota Yaris หมายเลข 321 จาก ArtoOsaka CEF Advics Pertamina Racing ที่ขับโดย 4 นักขับญี่ปุ่นอย่าง ยามาโมโต้ ริวจิ, คาวาคามิ เคนจิ, ซาคาโมโต้ อิสเซ และ ยามาซากิ ทาเคฮิโกะ
ด้านกริดสตาร์ทในรุ่น Super Turbo Division 4 ซึ่งมีรถแข่งมากที่สุดถึง 42 คัน โพลโพซิชั่นเป็นของ Honda City หมายเลข 417 จาก Star Performance ที่ขับโดย สรรพร เชาว์ชวานิล, ระพี พวงสุพาง, จิรัฐิ เศวตศิลา และ พีรวัตร ตะวันธรงค์ โดยกริดที่ 2 เป็นของรถแข่ง Ford Fiesta หมายเลข 464 จาก PTT Performa-V.C.Meat-RPM-Cosmis ที่ขับโดย อัครเดช เตชะสัตยา, สัณชัย เองตระกูล, ปรีดา ตันเต็มทรัพย์ และ ขจรศักดิ์ ณ สงขลา ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ รถแข่ง Honda Jazz GK หมายเลข 483 จาก Tein Team Thailand ที่ขับโดย 4 นักขับญี่ปุ่นอย่าง ชูจิ มาเอจิมะ, มาซาฮิโร่ ซาซากิ, ฮิเดะโนริ โคอิชิ และ ฮิโรฮิสะ ฟูจิตะ
ออกสตาร์ทเรซไปเพียง 20 นาที กรรมการต้องสั่งตีธงเหลืองทันทีก่อนที่เซฟตี้คาร์จะออกมาวิ่งนำรถแข่ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่เคลียร์สนามจากอุบัติเหตุใหญ่ครั้งแรก และกินเวลาไปกว่า 10 นาที ก่อนจะกลับมาเริ่มการแข่งขันได้อีกครั้ง โดยผู้นำหลังผ่านชั่วโมงแรกของการแข่งขันในคลาส Super Turbo Division 2 เป็นของรถแข่ง Honda DC5 หมายเลข 277 จาก Sky&King Global Motorsport ที่ขับโดย Yu Chi Ngong, Li Lok Bun และ Chow Ching Lung Christopher ซึ่งพลิกขึ้นนำหลังจากที่เจ้าของโพลอย่าง รถแข่ง GAC TRUMPCHI GA4 หมายเลข 245 จาก Team Endless ต้องนำรถเข้าพิตหลังมีปัญหาในช่วงต้นเรซ หลังผ่าน 3 ชั่วโมงแรกของการแข่งขัน รถแข่ง Toyota CH-R หมายเลข 219 จาก Toyota Gazoo Racing Team Thailand สามารถพลิกขึ้นเป็นผู้นำในคลาส Super Turbo Division 2 ได้สำเร็จ ทำระยะทางไป 86 รอบสนาม เหนืออันดับ 2 อย่าง Toyota Altezza หมายเลข 200 แชมป์เก่าจาก Wako’s Team Thailand อยู่ 15.217 วินาที ส่วนผู้นำในชั่วโมงแรกอย่าง Honda DC5 หมายเลข 277 จาก Sky&King Global Motorsport ร่วงลงไปอยู่ในอันดับ 3 จากจุดเปลี่ยนในการเข้าพิต ตามหลังหัวแถว 55.871 วินาที แต่หลังจากนั้นไปเพียง 1 ชั่วโมง รถแข่งหมายเลข 219 จากทีม Toyota Gazoo Racing Team Thailand ผู้นำ ณ ขณะนั้น กลับเจอโชคชะตาเล่นงาน เนื่องจากมีควันพวยพุ่งออกจากห้องเครื่อง จนต้องออกจากการแข่งขันอย่างน่าเสียดาย จากเครื่องยนต์ที่เสียหายอย่างหนักจากการระเบิดระหว่างการแข่งขัน ก่อนที่รถ Safety Car ต้องออกมาวิ่งเคลียร์แทร็กอีกครั้ง จากอุบัติเหตุที่โค้ง 4 มีรถหมุนเคว้งและจอดคา รัน ออฟ แอเรีย ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้องนำรถเข้าลากเพื่อให้พ้นจากเขตุอัตรายของการแข่งขัน ซึ่งหลังจาก Safety Car ดับไฟและกลับเข้าพิตไป ผู้นำกลับมาเป็นของ Honda DC5 หมายเลข 277 จาก Sky&King Global Motorsport อีกครั้ง โดยควบไปทั้งสิ้น 141 รอบสนาม
การแข่งขันทวีความเข้มข้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากผ่านครึ่งทางการแข่งขันไปหมาดๆ รถแข่ง Honda DC5 หมายเลข 277 จาก Sky&King Global Motorsport ผู้นำกลับเริ่มแผ่วลงเรื่อยๆ พร้อมกับปัญหาให้ทีมช่างต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าหลายครั้ง ก่อนอันดับจะรูดลงไปถึงที่ 8 ส่งผลให้ผู้นำเปลี่ยนมาเป็นของแชมป์เก่าอย่าง Toyota Altezza หมายเลข 200 จาก Wako’s Team Thailand ที่จากเดิมตามหลังอยู่ถึง 2 รอบสนาม ก่อนจะพลิกสถานการณ์มีลุ้นแชมป์สมัยที่ 2 ติดต่อกัน ผ่านไป 7 ชั่วโมงรั้งจ่าฝูงโดยซิ่งไปทั้งสิ้น 197 รอบสนาม ส่วนอันดับ 2 เป็นของ รถแข่ง Honda FD2 หมายเลข 214 จาก 778 Auto Sport ตามหลังผู้นำ 4 รอบสนาม ตามด้วย Honda Fit RS หมายเลข 211 จาก WaxOne Racing Project ที่ขับโดย อานนท์ รอดประเสริฐ, ชาญชัย ฤกษ์อรุณ, สิริศักดิ์ มุณฑุกัมพล และ ภิษณุ ภูษิตานนธกูร ที่ขยับขึ้นมาถึงท็อปทรีเป็นครั้งแรกตามหลังหัวแถว 5 รอบสนาม แต่ทว่าจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงท้ายชั่วโมงที่ 8 เมื่อ รถแข่ง Toyota Altezza หมายเลข 200 จาก Wako’s Team Thailand เกิดจอดน็อคไปดื้อๆ หลังออกจากโค้ง 3 ส่งผลให้รถแข่ง Honda FD2 หมายเลข 214 จาก 778 Auto Sport พลิกขึ้นเป็นผู้นำได้ในช่วงต้นชั่วโมงที่ 8
ผู้ที่คว้าธงตราหมากรุกเป็นคนแรกในรุ่น Super Turbo Division 2 ได้แก่ รถแข่ง Honda FD2 หมายเลข 214 จากทีม 778 Auto Sport
อันดับ 2 รถแข่ง Peugeot RCZ 1.6 Turbo หมายเลข 216
อันดับ 3 เป็นของ รถแข่ง Toyota 86 หมายเลข 221 จาก Toyota Gazoo Racing Team Thailand
ครบการแข่งขันทั้งหมด 10 ชั่วโมง ผู้ที่คว้าธงตราหมากรุกเป็นคนแรกในรุ่น Super Turbo Division 2 ได้แก่ รถแข่ง Honda FD2 หมายเลข 214 จากทีม 778 Auto Sport ที่ขับโดย Lo Ka Chun, Lo Pak Yu, Tsang Chi Kong และ Lo Hung Pui ด้วยเวลารวม 10 ชั่วโมง 1 นาที 9.305 วินาที ซิ่งไปทั้งสิ้น 277 รอบสนาม คิดเป็น 1261.458 กิโลเมตร เหนืออันดับ 2 อย่าง รถแข่ง Peugeot RCZ 1.6 Turbo หมายเลข 216 ที่ขับโดย Sham Gai Tong Gary, Lo Pak Yu, Lu Tin Yee Mark และ Shu Lui Yip ที่ตามหลังแชมป์ 1 นาที 36.539 วินาที ส่วนอันดับ 3 เป็นของ รถแข่ง Toyota 86 หมายเลข 221 จาก Toyota Gazoo Racing Team Thailand ที่ขับโดย Naoki Kawamura, อาทิตย์ เรืองสมบูรณ์, สุพงศ์ ขำต้นวงษ์ และ Ogura Yatyzuhiro ตามหลังแชมป์ 12 รอบสนาม
แชมป์ในรุ่นนี้ตกเป็นของ รถแข่ง Suzuki Swift หมายเลข 319 จาก Singha TT Motorsport
อันดับ 2 รถแข่ง Honda Jazz หมายเลข 311 จากทีม Waxone Racing Project
อันดับ 3 เป็นของรถแข่ง Toyota Altis หมายเลข 370 จาก Toyota Gazoo Racing Team Thailand
สำหรับในรุ่น Super Turbo Division 3 แชมป์ในรุ่นนี้ตกเป็นของ รถแข่ง Suzuki Swift หมายเลข 319 จาก Singha TT Motorsport ที่ขับโดย ชยุส ยังพิชิต, จักรพันธ์ ตันกำเนิด และ ฟรานชิสโก คาตาเนีย ผู้นำในช่วงแรกที่แม้จะโดยแซงจากการเข้าพิตไป แต่สามารถไล่เก็บอันดับขึ้นมาเรื่อยๆ จนสามารถทวงจ่าฝูงได้อีกครั้ง และเข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวล่ารวม 10 ชั่วโมง 2 นาที 26.506 วินาที ด้วยระยะทาง 274 รอบสนาม เหนืออันดับ 2 อย่าง รถแข่ง Honda Jazz หมายเลข 311 จากทีม Waxone Racing Project ที่ขับโดย ชนะพันธุ์ กิตติเกษม, พิพัฒน์ เพ็ชรรัตน์, ภัทรพล กรเวช และ อริยพล จิรโอฬารนนท์ ตามหลัง 3 รอบสนาม ส่วนอันดับ 3 เป็นของรถแข่ง Toyota Altis หมายเลข 370 จาก Toyota Gazoo Racing Team Thailand ที่ขับโดย ธีรเวทย์ พุกย์พิบูลย์, สุพงศ์ ขำต้นวงษ์, ชิบะ เคนทาโร และ ทาคายูกิ คิโนชิตะ ตามหลังแชมป์ 5 รอบสนาม
แชมป์ในรุ่น Super Turbo Division 4 ตกเป็นของ ของ Honda City หมายเลข 488 จาก Tein Team Thailand
อันดับ 2 อย่าง รถแข่ง Honda City หมายเลข 484 จาก Tein Team Thailand
อันดับ 3 เป็นของ รถแข่ง Honda City หมายเลข 417 จาก Star Performance
ปิดท้ายด้วยแชมป์ในรุ่น Super Turbo Division 4 ตกเป็นของ ของ Honda City หมายเลข 488 จาก Tein Team Thailand ซึ่งขับโดย ธนสิทธิ์ ปัญญาทรานนท์, ฮิเดะฮารุ คุโรกิ และ ยศรัญ แสนสุข ที่ไล่กวดแซงทั้งคู่แข่งในคลาส Super Turbo Division 2 และ Super Turbo Division 3 ขั้นมาแข่งขันสูงสุดถึงอันดับ 3 Overall และครองบัลลังก์ในคลาส Super Turbo Division 4 หลังนำรถแข่งเข้าเส้นชัยด้วยเวลารวม 10 ชั่วโมง 3 นาที 5.667 วินาที เหนืออันดับ 2 อย่าง รถแข่ง Honda City หมายเลข 484 จาก Tein Team Thailand ที่ขับโดย อากิระ วาตานาเบะ, ทาคาชิ คุโบะ และ โทชิกิ โอยุ อยู่ 2 รอบสนาม,ส่วนอันดับ 3 เป็นของ รถแข่ง Honda City หมายเลข 417 จาก Star Performance ที่ขับโดย สรรพร เชาว์ชวานิล, ระพี พวงสุพาง, จิรัฐิ เศวตศิลา และ พีรวัตร ตะวันธรงค์ ตามหลังแชมป์ 9 รอบสนาม
ทั้งนี้ ศึก 600 Super Endurance 2018 ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการแข่งขันปีที่ 2 โดยถูกบันทึกสถิติอย่างไม่เป็นทางการว่า ครองอันดับ 6 ของโลกจากการจัดอันดับการแข่งขัน Endurance ที่มีจำนวนรถแข่งมากที่สุด
