เจนสัน บัตตัน และ นาโอกิ ยามาโมโตะ 2 นักแข่งทีม คูนิมิตซึ หมายเลข 100 ร่วมให้สัมภาษณ์สุดเอ็กคลูซีฟ พูดคุยถึงความพร้อมลงแข่งขัน ช้าง ซูเปอร์ จีที 2018 ในวันที่ 30 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นสนามที่ 4 โดยสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ครองอันดับ 1 ของตารางในรุ่นจีที 500 ทั้งประเภททีมและนักขับจากการแข่งขันที่ผ่านมา 3 สนามของฤดูกาล ด้วยรถยนต์ Honda NSX-GT
เจนสัน บัตตัน
ก่อนที่จะมาร่วมรายการ Super GT มีมุมมองต่อรายการนี้อย่างไร พอมาถึงวันนี้ที่ได้มาแข่งเต็มตัวแล้ว มุมมองเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง
เจนสัน บัตตัน : สวัสดีครับ ผมดีใจที่ได้มาประเทศไทยนะครับ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาแข่งที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ. บุรีรัมย์ ผมรู้สึกตื่นเต้นกับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ผมคิดว่ารายการ Super GT เป็นการแข่งขันที่สนุกและมีความขับเคี่ยวกันมากกว่าที่คิดทั้งระหว่างผู้เข้าแข่งขันที่ใช้รถยนต์จากผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นสามราย และนักแข่งที่มากความสามารถ จากที่ได้แข่งขันทั้งสามรอบที่ผ่านมา ผมเห็นชัดเจนเลยว่า Super GT เป็นการแข่งขันที่มีความพิเศษ และมีการขับเคี่ยวกันอย่างสนุกสนาน นับเป็นการแข่งขันที่มีความพิเศษและเป็รซีรีส์ที่น่าสนใจมากๆ
อะไรเป็นจุดพลิกผันที่ทำให้กลับมาแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตอีกครั้ง คุณเคยบอกว่าหลังจากสูญเสียคุณพ่อไปเริ่มไม่มีกำลังใจแข่งแล้ว อะไรที่เป็นแรงบันดาลใจให้กลับมาแข่งอีก
เจนสัน บัตตัน : มอเตอร์สปอร์ต เป็นกีฬาที่ผมรักและหลงไหลในตัวของมันเสมอ แต่ความท้าทายข้างในจิตใจของผมมันหายไป เพราะทีมเราไม่สามารถทำผลงานได้อย่างที่เราตั้งใจไว้ พอผมได้มาแข่งขัน Super GT ได้มาเห็นผู้เข้าแข่งขันจากทีมต่างๆ ผมรู้สึกถึงความท้าทาย ทั้งในตัวของนักแข่งจากทีมต่างๆ เอง ทำให้ผมรู้สึกว่าทุกคนมีโอกาสคว้าแชมป์ได้เหมือนกันหมด ผมชอบการต่อสู้ ซึ่งการแข่งรถเป็นกีฬาที่เต็มไปด้วยความท้าทายและมีเสน่ห์ในตัวมัน และนั่นเป็นสิ่งที่ผมรัก
นาโอกิ ยามาโมโตะ
การได้มาร่วมทีมกับอดีตนักแข่ง Formula 1 แชมป์โลกส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง กดดันมากน้อยแค่ไหน
นาโอกิ ยามาโมโตะ : เจนสัน บัตตัน เป็นนักแข่งที่เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงระดับโลกในวงการมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งผมเชื่อว่าประสบการณ์ในระดับโลกของบัตตัน เมื่อประกอบกับประสบการณ์ของผมในการแข่งขัน Super GT ผมเชื่อว่าจะช่วยเสริมกันและกันได้เป็นอย่างดี อย่างสนามช้าง ผมมาร่วมแข่งขันในรายการนี้ 5 ครั้งแล้ว ในจุดนี้ และสนามนี้ผมน่าจะสามารถให้คำแนะนำ และพูดคุยกัน เพื่อให้ผลงานของเราในสนามนี้ดีไม่แพ้สนามอื่นๆ อย่างแน่นอน
เตรียมตัวอย่างไรสำหรับการลงแข่ง Super GT ฤดูกาลนี้ เพราะลงแข่ง FIA Endurance ด้วย
เจนสัน บัตตัน: ผมว่า การเตรียมตัวมันเป็นสิ่งทีไม่ยากนัก เมื่อคุณมีประสบการณ์ในการแข่งรถมาแล้ว แม้รถที่ใช้แข่งใน 2 รายการต่างกันมาก ผมชินกับรถของ WEC มากกว่า เพราะการแข่ง Super GT จะยากกว่าพอสมควร เพราะรถมีน้ำน้ำหนักมากกว่าเมื่อเทียบกับ WEC วิธีขับก็ต่างกัน แต่ผมชอบทั้งสองแบบนะ ในฐานะนักแข่งรถ ผมคิดว่าเป็นเรื่องดีที่ผมได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขับรถหรือการทำงานของรถ อีกทั้งพาร์ทเนอร์ที่ดี ผมเชื่อว่าจะทำผลงานได้ดีอย่างแน่นอน
เจนสัน บัตตัน
ยังเหลือเป้าหมายหรือความท้าทายอะไรในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตอีกไหม หรือมีรายการอะไรที่อยากแข่งขันอีก
เจนสัน บัตตัน : มีอีกมากมายครับ แน่นอนว่าตามธรรมชาติแล้วเป้าหมายหลักของผมคือการได้เป็นแชมป์โลก F1 ซึ่งผมก็ทำได้แล้ว และแน่นอนว่าเป้าหมายของผมตอนนี้ก็คือชนะการแข่งขัน Super GT ซึ่งก็คงเป็นงานที่หินอยู่ทีเดียว แต่เรามีทีมที่ดีมาก และผมโชคดีที่ได้มีเพื่อนร่วมทีมที่ยอดเยี่ยมอย่างนาโอกิ ยามาโมโตะ เราจะสู้ต่อไปด้วยกันจนจบรายการ ซึ่งเราน่าจะมีโอกาสในการคว้าแชมป์อยู่พอสมควร
ในฐานะแชมป์โลก Formula 1 ในซีซั่นหน้าจะมีสองทีมใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์ของฮอนด้า คุณมองว่ามีนัยยะสำคัญต่อวงการ Formula 1 อย่างไรบ้าง
เจนสัน บัตตัน: ผมคิดว่ามันเยี่ยมมาก มันแสดงให้เห็นว่าฮอนด้ามีพัฒนาการอย่างมากตลอด 1-2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเราก็ได้เรียนรู้จากข้อผิดพลาด และเราก็แข็งแกร่งขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น หวังว่าเราจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
NSX-GT มีจุดแข็งอะไรที่เข้ากับคุณหรือไม่
เจนสัน บัตตัน: ผมคิดว่า Honda NSX-GT แสดงให้เห็นว่า ฮอนด้ามีพัฒนาการในการทำให้รถยนต์สามารถรองรับการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตได้ดีขึ้น ซึ่งผมดีใจที่ได้เห็นว่าปีนี้ Honda ชนะมาแล้ว 2 รายการ เห็นได้ชัดว่าเป็นรถคันนี้ที่ดีมาก เป็นรถที่แข็งแกร่งและพร้อมสำหรับการแข่งขันอย่างมาก
ปรับตัวให้เข้ากับการร่วมทีมกับเจนสัน บัตตัน อย่างไร หลังจากผ่านมา 3 สนามแล้วคิดว่ายังต้องปรับอะไรอยู่ไหม
นาโอกิ ยามาโมโตะ : จากที่ผ่านมา 3 สนาม เราก็สามารถทำผลงานได้ดี มั่นใจว่าเราคงไม่ต้องปรับตัวอะไรกันมาก แต่น่าจะลองดูว่าเมื่อได้ขับแล้ว เจนสัน บัตตัน จะคุ้นเคยกับสนามนี้ได้เร็วมากน้อยแค่ไหน เพื่อทำผลงานให้ดีไม่แพ้ในสนามอื่นๆ
มีมุมมองอย่างไรต่อสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ. บุรีรัมย์ มีความยากง่ายอย่างไรบ้าง
เจนสัน บัตตัน: ผมว่าคำถามนี้น่าจะถามนาโอกิ เพราะผมเพิ่งมาแข่งที่นี่เป็นครั้งแรก แต่หลังจากที่เราได้ไปเดินรอบๆ สนามมา รู้สึกว่าคล้ายกับสนาม F1 ซึ่งสนามนี้เป็นอีกสนามที่ยากสำหรับเรา จากประสบการณ์ที่สนามนี้ของนาโอกิ รวม 5 ครั้ง เชื่อว่าจะมีข้อแนะนำดีๆ ที่ทำให้ทีมเราทำผลงานได้ไม่แพ้สนามอื่นๆ แน่นอน
มีมุมมองอย่างไรกับการแข่งขัน Formula E ที่ใช้รถพลังไฟฟ้า และความแตกต่างระหว่าง Formula 1 กับ Super GT
เจนสัน บัตตัน: ผมว่าผมชอบรถแข่งที่ใช้เครื่องยนต์มากกว่ามันทำให้ผมยิ้มได้ ผมชอบเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ ความแตกต่างระหว่าง Formula 1 กับ Super GT คือน้ำหนักของรถแข่ง รถ Formula 1 หนักประมาณ 630 กิโลกรัม Super GT หนักประมาณ 1,000 กิโลกรัม ทำให้รถขับได้ช้ากว่าก็แล้วแต่ว่าใครจะชอบแบบไหน
มีกลยุทธ์อย่างไรในการเอาชนะในสนาม Super GT ครั้งนี้
เจนสัน บัตตัน: ผมคงเตรียมพร้อมรับในทุกสถานการณ์ การเลือกยาง เลือกเครื่องยนต์ การถ่วงน้ำหนัก และการเก็บคะแนนให้ดีที่สุด ที่สำคัญเราต้องมี team work ที่ดี ผมเคยแข่งในสนามคล้ายกันนี้ที่สิงคโปร์และมาเลเซียมาก่อน ผมรู้สึกว่าคู่แข่งจะเฉือนและขับเคียวกันอย่างสูสี
เจนสัน บัตตัน
คุณนำอะไรจากการแข่งขันรถมาใช้ในชีวิตประจำวันบ้าง
เจนสัน บัตตัน: คนเราต้องไม่หยุดที่จะเรียนรู้ ต้องทำตัวเหมือนน้ำไม่เต็มแก้วตลอดเวลา เพราะการแข่งขันรถนั้น ไม่ว่า รถ ยาง ถนน เครื่องยนต์ และเทคโนโลยีก็ต้องมีการเปลี่ยแปลงตลอดเวลา เราต้องเรียนรู้ และนำสิ่งนั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป
และนั่นเป็นบทสัมภาษณ์สุดเอ็กคลูซีฟ 2 นักแข่งทีมฮอนด้าที่ ทีมงาน BoxzaRacing นำมาฝากกัน ส่วนผลการแข่งขันของทั้งคู่จะเป็นอย่างไร สนามนี้ เค้าจะยังคงรักษาอันดับคะแนนสะสมที่ 1 ได้อยู่หรือไม่ ร่วมชมและเชียร์ได้ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ 30 มิถุนายน – 1 กรกฎาคมนี้ หรือติดตามชมผ่านการถ่ายทอดสดทางช่อง 24 (True4U) โดยการแข่งขันในรอบคัดเลือก (Knock Out Qualifying) จะถ่ายทอดสดในวันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน เวลา 15.00 – 16.30 น. และรอบชิงชนะเลิศ (Final) ถ่ายทอดสดในวันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม เวลา 14.30 – 17.30 น.