เขียนโดย: boytaku boxza

เมื่อ: 12 ธันวาคม 2560 - 13:31

McLaren Senna ไฮเปอร์คาร์สุดล้ำ ถ่ายทอดเทคโนโลยีจากมอเตอร์สปอร์ต ที่ขับขี่ได้ในทุกๆ วัน

 

          McLaren เผยโฉม All-New McLaren Senna ไฮเปอร์คาร์รุ่นใหม่ล่าสุดภายใต้ "McLaren’s Ultimate Series" ที่มอบสมรรถนะให้เร้าใจสมการรอคอย สามารถรองรับการขับขี่ในสนามแข่ง รวมถึงการขับขี่บนท้องถนนได้ถูกกฎหมาย โดยชื่อรถนี้ได้นำมาจาก Mr. Ayrton Senna ซึ่งเป็นผู้ขับขี่ F1 ในตำนานจากประเทศบราซิล ผ่านการคว้าแชมป์โลกในสนามแข่งถึง 3 สมัย ได้แก่ปี 1988, 1990 และ 1991

 

 

          "McLaren Senna เป็นรถที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งได้สะท้อนถึงดีเอ็นเอของแมคลาเรนมอเตอร์สปอร์ตอย่างแท้จริง" Mr. Mike Flewitt บอสใหญ่ของ McLaren เผย "ทุกองค์ประกอบของ Ultimate Series McLaren ในด้านสมรรถนะที่ดีเยี่ยม เพื่อให้แน่ใจว่าการเชื่อมต่อระหว่างผู้ขับขี่และเครื่องยนต์สามารถเข้ากันได้อย่างดีเยี่ยม และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดในแบบที่ McLaren สามารถทำได้"

 

 

          McLaren Senna สะท้อนถึงสมรรถนะและการขับขี่ที่เร้าใจผ่านการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์คุณภาพสูง ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจาก McLaren 720S ทั้งโครงสร้างและตัวถัง จึงทำให้น้ำหนักโดยรวมของรถรุ่นนี้ มีน้ำหนักที่เบาเพียง 1,198 กิโลกรัม ซึ่งเป็นน้ำหนักที่เบาที่สุด รวมไปถึงการออกแบบช่องระบายอากาศ เส้นสายตัวถังและชิ้นส่วนรีดอากาศรอบคันก็ช่วยให้สามารถสร้างแรงกดอากาศได้อย่างยอดเยี่ยม และให้ประสิทธิภาพอยู่ในระดับที่ "ไม่เคยปรากฏมาก่อน"

 

 

          สำหรับขุมพลังนั้นเป็นเครื่องยนต์ V8 ความจุ 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ ส่งกำลังผ่านเกียร์ดูอัลคลัตช์แบบ 7 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลัง ให้สมรรถนะสูงสุดถึง 789 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตัน-เมตร ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนระหว่างกำลังต่อน้ำหนักของ McLaren Senna อยู่ที่ 668 แรงม้า/ตัน สำหรับข้อมูลตัวเลขนั้นระบุแค่ว่าจะให้อัตราเร่งจาก 0 - 96 กม./ชม. อาจอยู่ที่ 2.5 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 320 กม./ชม.

 

 

          ด้านช่วงล่างจึงมาพร้อมกับระบบกันสะเทือนแบบ Double Wishbone แบบอิสระ และเหล็กกันโคลง พร้อมโช้คไฮดรอลิกที่สามารถปรับระดับได้ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์และวาล์วสองตัว ที่สามารถปรับระดับการยุบตัวและตอบสนองได้อย่างอิสระ ซึ่งทาง McLaren ตั้งชื่อระบบกันสะเทือนนี้ว่า "RaceActive Chassis Control II (RCC II)" รวมไปถึงระบบปรับช่วงล่าง kinetic roll หรือ K-damper ที่รองรับการปรับระบบช่วงล่างผ่านโหมดต่างๆ ได้แก่ Comfort, Sport, Track และโหมดใหม่ Race ที่จะปรับทั้งการโหลดเตี้ย, ปรับจุดศูนย์ถ่วง และช่วงล่างที่กระชับขึ้น สำหรับระบบเบรก ได้ใช้ดิสก์เบรกแบบจานคาร์บอนเซรามิค พร้อมเทคโนโลยีระดับมอเตอร์สปอร์ต และหุ้มยาง Pirelli P Zero Trofeo R สำหรับรองรับทั้งการแข่งขัน และวิ่งบนท้องถนน

 

 

          นอกจากบุคลิกที่มอบความสปอร์ตเร้าใจแล้ว ด้านภายในเองก็ได้รับการออกแบบที่ให้อารมณ์สปอร์ต และเรียบง่าย เริ่มจากประตูที่ผลิตด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมกระจกหน้าต่าง 2 ชิ้น ซึ่งทางผู้ผลิตระบุว่าการออกแบบลักษณะนี้ จะเหมือนกับอยู่ในห้องควบคุมในเครื่องบิน แต่สามารถเปลี่ยนกระจกด้านล่างให้เป็นแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์ได้ ซึ่งจะทำให้ห้องโดยสารมืดลง

 

 

          สำหรับรายละเอียดภายในห้องโดยสารนั้นมีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ซึ่งให้ความเรียบง่าย แต่ล้ำสมัย โดยเฉพาะการจัดวางออพชั่นควบคุมต่างๆ เช่น ที่เปิดประตู ที่เปิดกระจกหน้าต่าง และปุ่ม Push Start จะอยู่บนหลังคา เพื่อลดชิ้นส่วนกลไกภายในบานประตูให้มีน้ำหนักที่เบาลง, พวงมาลัยสามก้านเรียบๆ ไร้ระบบควบคุมต่างๆ เน้นการควบคุมสั่งการผ่านจออินโฟเทนเมนต์ตรงกลาง, เรือนไมล์จอดิจิตอลขนาดเล็ก, เบาะ Bucket Seat ที่มีเบาะรองเพียงแค่บางส่วน

 

 

          McLaren Senna ผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 500 คัน โดยมีราคาสูงถึง 750,000 ปอนด์ หรือราวๆ 32 ล้านบาท (ยังไม่รวมภาษี) ส่วนคันสุดท้ายได้ถูกนำไปประมูล ซึ่งถูกประมูลด้วยราคาถึง 2 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 87 ล้านบาท (ยังไม่รวมภาษี) ทั้งนี้รายได้จากการจำหน่ายและประมูลส่วนหนึ่งจะมอบให้กับมูลนิธิ Senna Foundation โดยหลังจากเผยโฉมในงาน Geneva Motor Show 2018 ก็จะเริ่มเข้าสู่การผลิตและส่งมอบตั้งแต่ครึ่งปีหลัง พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook