เขียนโดย: Monster Racing

เมื่อ: 19 เมษายน 2560 - 11:01

MG จัดคาราวานรถสปอร์ตคลาสสิก เดินทางข้ามทวีป 37,000 กม. 111 วัน กรุงเทพฯ-ลอนดอน

 

          บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้การต้อนรับคาราวานรถสปอร์ตคลาสสิก เอ็มจี จำนวน 8 คัน กับการเดินทางครั้งประวัติศาสตร์จากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่กรุงลอนดอนในทริป “2017 MG Silk Road Driving Tour” ตอกย้ำความโดดเด่น และความยิ่งใหญ่ของแบรนด์ เอ็มจี ที่ถูกถ่ายทอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทั้งความสนุกสนานในการขับขี่ ดีเอ็นเอความเป็นรถสปอร์ตที่ทุกคนจับต้องได้ ความทนทานที่รองรับการใช้งานยาวนาน และความหลงใหลในแบรนด์ เอ็มจี ที่เปี่ยมด้วยสุนทรียภาพแบบอังกฤษ รวมระยะทางกว่า 37,000 กิโลเมตร ตลอดระยะเวลา 111 วัน

 

 

          ผู้ร่วมทริปการเดินทาง “2017 MG Silk Road Driving Tour” ในครั้งนี้ประกอบด้วยกลุ่มลูกค้าชาวออสเตรเลียที่เป็นแฟนพันธุ์แท้รถยนต์คลาสสิกของ เอ็มจี รวมทั้งสิ้น 16 คน โดยได้ตัดสินใจเริ่มต้นการเดินทางจากประเทศไทยเนื่องจากเล็งเห็นว่าประเทศไทยคือศูนย์กลางการดำเนินธุรกิจของ เอ็มจี และถือเป็นตลาดยุทธศาสตร์ของการผลิตยานยนต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด

 

          “แบรนด์ เอ็มจี มีชื่อเสียงมายาวนานร่วม 100 ปี จากความมุ่งมั่นสร้างสรรค์ประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม และความหลงใหลในแบรนด์ที่ถ่ายทอดมาจนถึงปัจจุบันอย่างไม่เสื่อมคลาย ขบวนรถสปอร์ตคลาสสิก เอ็มจี ทั้ง 8 คันคือตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมที่แสดงให้เห็นว่า เอ็มจี ส่งต่อดีเอ็นเอการพัฒนารถสไตล์สปอร์ตที่ทุกคนจับต้องได้ ใช้งานได้ยาวนาน และให้ความสนุกสนานในการขับขี่ เอ็มจี คือรถยนต์ที่มีความคุ้มค่าสำหรับทุกคนไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือการเดินทางท่องเที่ยวทุกรูปแบบ ในฐานะตัวแทนของ เอ็มจี ในประเทศไทย ผมขอให้นักเดินทางทุกท่านขับขี่ถึงจุดหมายในกรุงลอนดอนโดยสวัสดิภาพ” คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

 

 

          การพัฒนารถยนต์ของเอ็มจี เริ่มต้นจากการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต นับตั้งแต่รุ่นโอลด์ นัมเบอร์ วัน (Old Number One) ซูเปอร์สปอร์ตคาร์ คันแรกของเอ็มจีที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อการชิงชัยด้วยเครื่องยนต์ 1,548 ซี.ซี. เกียร์ 3 สปีด โครงสร้างแชสซีของมอร์ริส คาวลีย์ (Morris Cowley) คว้ารางวัลชนะเลิศในการแข่งขันแลนด์ เอนด์ ไทรอัล เมื่อปี ค.ศ. 1925 หลังจากนั้น เอ็มจี เดินหน้าพัฒนารถคุณภาพเยี่ยมมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งสร้างชื่อเสียงโด่งดังอีกครั้งกับรถสปอร์ตคลาสสิกตระกูล MGA ที่ผลิตระหว่างปี ค.ศ. 1955 – 1962 และรุ่น MGB ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั่วทั้งทวีปยุโรปทั้งในด้านคุณภาพ และสมรรถนะ MGB นับเป็นหนึ่งในรถสปอร์ตที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดทั้งในด้านยอดขาย และเสียงตอบรับของลูกค้าตลอดระยะเวลาการผลิตระหว่างปี ค.ศ. 1962 - 1980 ด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงาม และความหลากหลายของสไตล์ตัวถังที่มีทั้งรุ่นหลังคาแข็ง และหลังคาผ้าใบ พร้อมเครื่องยนต์ที่ทรงพลังและทนทาน โดยรถสปอร์ตคลาสสิกทั้ง 2 รุ่นดังกล่าวจะเดินทางร่วมขบวนไปกับคาราวานครั้งประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ด้วย

 

มร. จอห์น บาสเทน หนึ่งในผู้ร่วมเดินทางซึ่งเป็นเจ้าของรถสปอร์ตเปิดประทุน MGB Roadster สีทอง

 

          มร. จอห์น บาสเทน หนึ่งในผู้ร่วมเดินทางซึ่งเป็นเจ้าของรถสปอร์ตเปิดประทุน MGB Roadster สีทอง เปิดเผยว่า “รถสปอร์ตคันนี้คือรถในฝันตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก ไม่เพียงจะมีเครื่องยนต์ที่แข็งแรงทนทานราวกับหุ่นยนต์ แต่ยังให้ความสนุกสนานทุกครั้งที่ได้ขับขี่ ผมได้ลองขับ MGB คันนี้ขึ้นเขาใหญ่ โดยใช้เส้นทางถนนธนะรัชต์ที่มีทั้งทางโค้ง และเนินลาดชัน ผมได้สัมผัสถึงระบบวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยมของตัวรถ ถึงแม้จะผลิตมานานหลายสิบปี แต่ผมก็ยังประทับใจในสมรรถนะที่เร้าใจของตัวรถคันนี้มาก”

 

 

          ปัจจุบัน ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของ เอ็มจี เช่นเดียวกันกับประเทศไทย โดยมีลูกค้าที่หลงใหลในรถยนต์ เอ็มจี ทั้งรุ่นใหม่ และรุ่นคลาสสิกรวมตัวกันเป็นสมาชิกกลุ่ม MG Club ที่มีสมาชิกกว่า 4,000 คน สำหรับการเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาวางแผนนานกว่า 2 ปี หลังจากออกเดินทางจากประเทศไทย คณะเดินทางจะขับขี่ผ่านประเทศจีนซึ่งเป็นที่ตั้งของ เอสเอไอซี มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ เอ็มจี ในประเทศไทย และทั่วโลก ก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่ประเทศอังกฤษผ่านทางตะวันออกกลางเพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองอาบิงดัน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงงานแห่งแรกของเอ็มจี เมื่อเกือบ 100 ปีที่แล้ว

 

มร. ไมค์ เฮอร์ริฮี หนึ่งในผู้ร่วมเดินทางในทริปประวัติศาสตร์ครั้งนี้

 

          มร. ไมค์ เฮอร์ริฮี หนึ่งในผู้ร่วมเดินทางในทริปประวัติศาสตร์ครั้งนี้ซึ่งเป็นเจ้าของรถสปอร์ตคลาสสิก MGB และรถคลาสสิกของ เอ็มจี อีก 7 คัน กล่าวว่า “ผมมีโอกาสทดสอบขับรถยนต์ เอ็มจี รุ่นใหม่ในประเทศไทยที่ศูนย์สร้างประสบการณ์การขับขี่ หรือ เอ็มจี ไดรฟ์วิ่ง เอ็กซ์พีเรียนซ์ เซ็นเตอร์ โดยมีโอกาสทดสอบขับทั้ง MG3 และ MG GS ซึ่งผมมีความประทับใจเป็นอย่างมาก เพราะรถยนต์ เอ็มจี ยังคงเปี่ยมด้วยบุคลิกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผมได้รับความสนุกสนานเร้าใจในการขับขี่ สมรรถนะที่ให้ความสปอร์ตผสมผสานความปลอดภัยแบบที่ เอ็มจี ในอดีตเคยตั้งสโลแกนว่า ‘MG Safety Fast’ ผมเชื่อว่าเจ้าของรถ เอ็มจี ชาวไทยจะมีความประทับใจในสมรรถนะ และคุณภาพของตัวรถเช่นกัน เพราะไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดในโลก เราทุกคนคือสมาชิกของครอบครัวเดียวกัน”

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook