Goodyear เผยผลประกอบการยอดจำหน่ายรวมเพิ่มขึ้นในปี 2558
มร.ริชาร์ด เจ. เครเมอร์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Goodyear เผยว่า "ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับผลงานที่โดดเด่นของเรา ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้จากการดำเนินงานในแต่ละหน่วยตลอดปีถึงร้อยละ 18 โดยทะลุไปที่มูลค่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นครั้งแรกในประวัติการดำเนินธุรกิจมาตลอด 117 ปีของเรา ความสำเร็จครั้งนี้ช่วยให้เราสามารถจัดการบริหารแผนการจัดสรรทุนได้ครบทุกแง่มุม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้น”
มร. เครเมอร์กล่าวต่อ "ผลงานที่เกิดขึ้นทั้งหมด สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของยางยี่ห้อกู๊ดเยียร์ที่เสริมคุณภาพในระดับสูง รวมถึงความมุ่งมั่นในการนำเสนอคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้กับตลาด แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจของโลกยังแสดงการผันผวนไปจนถึงปี 2559 แต่เรายังคงตั้งเป้าที่จะเพิ่มรายได้จากการดำเนินงานในแต่ละหน่วยให้ได้ร้อยละ 10-15"
ในส่วนของยอดจำหน่ายรวมอยู่ที่ 42.1 ล้านเส้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2557 โดยที่ปริมาณการจำหน่ายยางรถยนต์ในตลาดยางรถยนต์ทดแทน (Replacement) เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายยางรถยนต์กู๊ดเยียร์ในตลาดยางติดรถ (Original Equipment) เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เนื่องจากการครอบครองบริษัทนิปปอน กู๊ดเยียร์ จำกัด (NGY) ในประเทศญี่ปุ่น
กู๊ดเยียร์ (Goodyear) ประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 4/2558 มูลค่า 476 ล้านเหรีญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 จากปีก่อนหน้านี้ โดยมีผลจากปัจจัยต่างๆ อาทิ ราคาสุทธิวัตถุดิบต่างๆ และยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และการเปลี่ยนแปลงอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลของต่างประเทศที่ไม่น่าพอใจ
ด้านผลประกอบการตลอดทั้งปี ยอดขายของกู๊ดเยียร์ตลอดปี 2558 มีมูลค่า 16.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่มีมูลค่า 18.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ รายได้จากการขายได้รับผลกระทบจากการแปลงเงินตราสกุลต่างประเทศที่มูลค่า 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐในส่วนของยอดจำหน่ายรวมอยู่ที่ 166.2 ล้านเส้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากปี 2557 โดยที่ปริมาณการจำหน่ายยางรถยนต์ในตลาดยางรถยนต์ทดแทน (Replacement) เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายยางรถยนต์กู๊ดเยียร์ในตลาดยางติดรถ (Original Equipment) เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เนื่องจากการครอบครองบริษัทนิปปอน กู๊ดเยียร์ จำกัด ในประเทศญี่ปุ่น
รายได้จากการดำเนินงานของบริษัทมีมูลค่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ รายได้เพิ่มขึ้นเพราะราคาสุทธิวัตถุดิบต่างๆ และยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และผลกระทบจากการแปลงเงินตราสกุลต่างประเทศ