McLaren 570S พรีวิว รถซุปเปอร์คาร์ที่เป็นยอดของยนตกรรมในยุคปัจจุบัน
McLaren 570S รถซุปเปอร์คาร์ที่มาพร้อมพละกำลังมหาศาลมากที่สุดเท่าที่ค่ายเคยผลิต บวกกับการออกแบบภายนอก ภายในที่พิเศษมากกว่ารุ่นอื่นที่เคยผลิตมา อีกทั้งยังให้ความสุดยอดในทุกด้าน ซึ่งจะทำให้คุณกลายเป็นที่ 1 บนท้องถนน
การออกแบบภายนอก
การออกแบบภายนอกของ McLaren 570S นับว่าเป็นอะไรที่พิเศษมากกว่ารุ่นเก่าๆ ที่ผ่านมา เพราะได้มีการใช้วิธี Superform โดยการเป่าอะลูมิเนียมที่ร้อนให้เป็นรูปร่างต่างๆที่ต้องการ ทำให้สามารถออกแบบรูปทรงชิ้นส่วนที่ประณีตได้ อาทิ แผงหลัง, ฝากระโปรงห้องเครื่อง, ประตูด้านล่าง และเพดาน นอกจากนี้ 570S ยังได้ถูกออกแบบตามหลักพลศาสตร์ โดยมีแผงดักลมในกันชนหน้า แยกการถ่ายเทของอากาศสู่ 4 ทิศทาง ผ่านทั้งใต้รถและตลอดตัวถัง ตัวยึดประตูและครีบยันลอยประสานกันได้เป็นอย่างดี เสริมด้วยปีกหลังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ รวมถึงยังได้มีการติดตั้งไฟ LED ด้านหน้า และด้านหลัง ตามมาด้วยการตอกย้ำการเป็นเจ้าแห่งความเร็วด้วย DRLs สำหรับไฟยามกลางวัน ทั้งนี้ปิดท้ายความเป็นซุปเปอร์คาร์ด้วยล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 19 นิ้วที่ล้อหน้า และ 20 นิ้วที่ล้อหลัง ซึ่งจะมาพร้อมกับยางพิเรลลิ รุ่น Pirelli P Zero™ Corsa ขนาด 225/35/R19 ที่ล้อหน้า และ 285/35/R20 ที่ล้อหลัง
การตกแต่งภายในห้องโดยสาร
McLaren 570S ได้ถูกตกแต่งภายในห้องโดยสารให้เน้นในเรื่องของพื้นที่ และหลักสรีรศาสตร์ เพื่อความสะดวกสบายของผู้ขับและสัมภาระ อีกทั้งยังเพิ่มความหรูหราด้วยการใช้ floating centre console เพิ่อสร้างความลึกให้แก่ห้องโดยสาร โดยมีรูปร่างและเส้นสายไร้รอยต่อจากภายนอกถึงภายใน อีกทั้งทางค่ายังได้ติดตั้งที่นั่งใหม่ในสปอร์ตซีรีส์ให้ความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถปรับได้ 6 ทาง และ 4 ทางสำหรับผู้โดยสาร นอกจากนี้ยังมีพวงมาลัยที่มาพร้อมระบบ fast steering rack ratio ซึ่งจะทำให้ผู้ขับสามารถบังคับพวงมาลัยได้ตามทิศทางที่ต้องการเมื่อใช้ความเร็วสูงสุด โดยใช้ระบบไฮดรอลิกร่วมกับไฟฟ้า (electro-hydraulic) เพื่อมอบประสบการณ์การขับที่เร้าใจอย่างแท้จริง
ระบบความบันเทิง และเทคโนโลยี
ด้านระบบความบันเทิงและเทคโนโลยีของ McLaren 570S ได้มาพร้อมหน้าจอ TFT LCD สำหรับแสดงการทำงานของรถยนต์ อีกทั้งยังติดตั้งเครื่องเสียงคุณภาพที่มาพร้อมลำโพง 4 ตัว ซับวูฟเฟอร์แบบวอยซ์คู่ และลำโพงแบบ Tweeter 2 ตัว บวกกับเครื่องขยายเสียงคลาส AB ขนาด 240 วัตต์ นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งแผงหน้าจอ LCD เพื่อแสดงข้อมูล โดยจะแบ่งเป็นสามโซน คือ หน้าจอตรงกลางขนาด 7 นิ้ว ที่จะแสดงข้อมูลสถิติต่างๆ อาทิ ความเร็วรถ ความเร็วรอบของเครื่องยนต์ และการเลือกเกียร์ ในขณะที่หน้าจอด้านข้างอีกสองหน้าจอขนาด 3 นิ้ว จะทำหน้าที่ให้ข้อมูล คำแนะนำการนำทาง เข็มทิศ ข้อมูลการแข่ง และสถิติอื่นๆ และที่สำคัญยังมี การนำทางแบบ turn-by-turn เป็นครั้งแรกอีกด้วย
ด้านเครื่องยนต์
McLaren 570S มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 3.8 ลิตร V8 ทวินเทอร์โบ M838TE ให้พละกำลัง 570 แรงม้า ที่ 7,400 รอบต่อนาที แรงบิด 600 นิวตันเมตร จะอยู่ที่ 5,000-6,500 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับเกียร์ 7 speed แบบคลัทช์คู่ ซึ่งสามารถทำอัตราการเร่งจาก 0-100 กม/ชม (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง) ภายในระยะเวลา 3.2 วินาที และ 0-200 กม/ชม (124 ไมลฺต่อชั่วโมง) ภายใน 9.5 วินาที เท่านั้น นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบ Stop-Start เพื่อเอื้อต่อการขับขี่ในเมือง และช่วยเพิ่มความประหยัด ด้วยอัตราอัตราการกินน้ำมันอยู่ที่ 25.5 mpg และการปล่อยมลพิษ 258 กรัมต่อกิโลเมตร
ระบบเบรค และ Suspension
โดยจะทำการติดตั้งระบบ Brake Steer ที่มีคุณสมบัติของรถแข่งฟอร์มูล่าวัน ซึ่งจะช่วยเรื่องการเข้ามุมโดยจะบังคับการเบรกล้อหลัง เพื่อให้คนขับเบรกได้เองภายหลัง ส่วนระบบ Suspension ของ McLaren 570S จะได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพการขับบนถนน และบนทางแข่ง ซึ่งจะใช้ Adaptive Damper พร้อมด้วย Anti-rollbar ที่ด้านหน้าและด้านหลัง
โครงรถ
ทั้งนี้ โครงรถ McLaren 570S สร้างจากคาร์บอนไฟเบอร์ MonoCell II และอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา โดยน้ำหนักตัวรถเปล่ามีน้ำหนักเบาอยู่ที่ 1,313 กิโลกรัม ส่วนโครงรถที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ MonoCell II จะแข็งกว่าโครงอะลูมิเนียมถึง 25 เปอร์เซ็นต์ และเหนือชั้นกว่าโครงเหล็ก ที่สำคัญ โครงรถ McLaren 570S ยังมีข้อดีในการซ่อมแซม เพราะอะลูมิเนียมหน้าและหลังได้รับการออกแบบให้สามารถแก้ไขได้ง่าย แตกต่างจากรถที่เป็นอะลูมิเนียมทั้งคันหรือโครงรถเหล็กซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายได้ง่ายต่อตัวรถทั้งคันเมื่อมีการซ่อมแซม
สำหรับใครที่สนใจ McLaren 570S รถซุปเปอร์คาร์อันเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังมหาศาลคันนี้ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด ข้อมูล และข่าวคราวความคืบหน้าได้ที่โชว์รูมรถซุปเปอร์คาร์ชั้นนำทั่วโลก