เขียนโดย: IronCaptain

เมื่อ: 3 ธันวาคม 2558 - 19:41

Lamborghini และ Mclaren ยกทัพรถซุปเปอร์คาร์เข้ามาโชว์ตัวเป็นๆ ในงาน Motor Expo 2015

 

Lamborghini และ Mclaren ยกทัพรถซุปเปอร์คาร์เข้ามาโชว์ตัวเป็นๆ ในงาน Motor Expo 2015



          นิชคาร์กรุ๊ป คือ ผู้นำเข้ารถยนต์ระดับซุปเปอร์คาร์ สปอร์ตคาร์ และไฮเปอร์คาร์ ในประเทศไทย ดำเนินธุรกิจเป็นเวลากว่า 30  ปี ก่อตั้งโดย คุณเสรี  รักษ์วิทย์ ประธานบริษัท ภายใต้ชื่อเดิมคือ เบนซ์นครินทร์ ออโต้ กรุ๊ป ปัจจุบัน ได้รวบรวมสุดยอดยนตรกรรมจากทั่วโลก อาทิ ซุปเปอร์คาร์แลมโบร์กินี” (Lamborghini) จากประเทศอิตาลี และสุดยอดสองสายพันธุ์จากประเทศอังกฤษที่รวมอยู่ใน Formula 1แมคลาเรน” (Mclaren) และ ซุปเปอร์คาร์พันธุ์คลาสสิก “โลตัส” (Lotus) รวมถึงไฮเปอร์คาร์สัญชาติอิตาลี “ปากานี” (Pagani) และ ไฮเปอร์คาร์สัญชาติสวีเดน “โคนิกเซ็กก์” (Koenigsegg) ราชันต์ออฟโรด “ฮัมเมอร์” (Hummer) จากอเมริกา พร้อมด้วยโชว์รูมถึงสามแห่ง สยามพารากอน มอเตอร์เวย์ กม.1 และศรีนครินทร์

          โดยในงาน Motor Expo 2015 นิชคาร์กรุ๊ป ได้เปิดตัว Lamborghini Huracan LP 610-4 Spyder ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ได้รับการพัฒนาให้การขับเป็นไปด้วยความราบลื่นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้โหมด Strada ในการขับบนถนนหลัก ไฮไลท์อยู่ที่ประสิทธิภาพอันทรงพลังยิ่งขึ้น การเพิ่มอีกระดับของความหรูหรา สามารถขับได้ทุกวัน



          Lamborghini Huracan LP 610-4 Spyder ยังได้อัพเกรดความสปอร์ตเข้าไปด้วยไฟ LED ใหม่ ในห้องเครื่อง สามารถเปลี่ยนมาใช้ร่วมกับห้องเครื่องคาร์บอนไฟเบอร์ และฝากระโปรงเครื่องยนต์แบบโปร่งใส หรือสามารถเพิ่มระบบล็อคความเร็วขับขี่ หรือเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ หรือ เลือกเพิ่มสายชาร์จแบตในรถยนต์ขนาด 12 V หรือเลือกเพิ่มที่วางแก้วได้



          นอกจากนี้ Lamborghini ยังได้ติดตั้งโปรแกรม Ad Personam อันโด่งดังของแบรนด์ Lamborghini เข้าไปอีกด้วย รวมถึงยังนำเสนออุปกรณ์ตกแต่งเสริมที่มีให้เลือกเพิ่มขึ้น เพื่อให้ผู้ขับได้ครอบครองรถที่สะท้อนความเป็นตัวตนสูงสุด อาทิ ระบบเสียง Sensonum ขนาดกำลัง 390 วัตต์ RMS พร้อมเครื่องขยายเสียงสิบช่องทาง และ ลำโพงสิบตัว รูปหกเหลี่ยม ประทับตรา Sensonum แบบพิเศษสุดสำหรับ ฮูราแคน แอลพี 610-4 โดยเฉพาะ หรือเลือกเปลี่ยนมาใช้ระบบท่อไอเสียสปอร์ตที่จะมาพร้อมสีดำมันวาว สร้างความทรงพลัง 



          อีกทั้งในงาน Lamborghini ยังนำ Lamborghini LP 580-2 Coupé ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนสองล้อ ที่ล้อหลัง เครื่องยนต์ V10 ขนาด 5.2 ลิตร พร้อมน้ำหนักตัวรถที่เบาลง เพียง 1,389 กก. เบากว่าเครื่องยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อถึง 33 กก. ขนาดกำลัง 426 กิโลวัตต์/580 แรงม้า แรงบิด 540 นิวตันเมตร 75% ของแรงบิดที่ 1,000 รอบต่อนาที สามารถเร่งที่ความเร็ว 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.4 วินาที และเร่งได้สูงสุด 320 กม./ชม.



          โดย Lamborghini LP 580-2 Coupé มีอัตราส่วนกระจายน้ำหนักด้านหน้าและหลังอยู่ที่ 40/60 ลดแรงเฉื่อยบนเพลาหน้า และมีการติดตั้งการจัดการพลังงานใหม่ทั้งหมด รวมถึง ปรับปรุงระบบกันสะเทือน ตั้งค่าพวงมาลัยใหม่ โดยสามารถเลือกการขับแบบ STRADA, SPORT และ CORSA เพื่อการขับราบลื่นยิ่งขึ้นตามรูปแบบการขับที่แตกต่างกัน



          ทั้งนี้ โดย Lamborghini Huracan LP 610-4 Spyder และ Lamborghini LP 580-2 Coupé จะใช้ระบบหยุดการทำงานของกระบอกสูบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์เป็นครั้งแรก ในเครื่องยนต์ V10 โดย 5 สูบ จากทั้งหมด 10 กระบอกสูบจะหยุดทำงาน เมื่อเครื่องยนต์ไม่ได้ใช้งานเต็มกำลัง และจะสวิตซ์กลับมาที่ระบบ 10 สูบ เมื่อมีการเร่งเครื่องยนต์ ระบบนี้จะช่วยประหยัดอัตราการเผาผลาญเชื้อเพลิงและการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ สำหรับ Huracan LP 610-4 Spyder ได้กว่า 283 ก./กม. และ  278 ก./กม. สำหรับ Huracan LP 580-2 Coupé



          นอกจากนี้ นิชคาร์กรุ๊ป ยังได้เปิดตัว McLaren 570S Coupé เป็นครั้งแรกในไทย ซึ่งจะมาพร้อมเครื่องยนต์3.8 ลิตร V8 ทวินเทอร์โบ M838TE ด้วยชิ้นส่วนที่ผลิตขึ้นพิเศษกว่า 30% ให้พละกำลัง 570 แรงม้า ที่ 7,400 รอบต่อนาที แรงบิด 600 นิวตันเมตร จะอยู่ที่ 5,000-6,500 รอบต่อนาที เสริมด้วยระบบการขับขี่ล้อหลังเครื่องยนต์ขนาดกลางเอื้อให้การบังคับและความคล่องตัวดีขึ้น ให้พละกำลังมหาศาลผ่านเกียร์แบบ 7 speed (SSG) ระบบ Stop-start นำมาใช้ในแมคลาเรนเป็นครั้งแรก เอื้อการขับขี่ในเมือง และยังมีการปรับปรุงอัตราการกินน้ำมันอยู่ที่ 25.5 mpg และการปล่อยมลพิษ 258 กรัมต่อกิโลเมตร

          ในส่วนของความเร็วของ McLaren 570S Coupé จะสามารถทำอัตราการเร่งจาก 0-100 กม/ชม (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง) ภายในระยะเวลา 3.2 วินาที และ 0-200 กม/ชม (124 ไมลฺต่อชั่วโมง) ภายใน 9.5 วินาที เท่านั้น



          อีกทั้ง McLaren 570S Coupé ยังได้ทำการปรับแต่งอากาศพลศาสตร์ โดยออกแบบกันชนหน้าให้ลมปะทะและแยกอากาศให้ไหลเวียน ผสานการใช้ฝากระโปรงขึ้นรูปที่ช่วยระบายลมไปตามส่วนโค้งของล้อหน้าอย่างราบรื่น ส่วนประตูแบบเปิดยกอันเป็นดีไซน์เฉพาะของแมคลาเรนที่นำมาจากรถยนต์ฟอร์มูล่าวัน ได้รับการติดตั้งมาอย่างสวยงามในแบบยกสูงพร้อมแนวเส้นข้างซึ่งออกแบบมา เพื่อแยกกระแสลมให้ไหลเข้าช่องลมด้านข้าง และไหลสู่ใต้ครีบยันอย่างสม่ำเสมอ

          โดย McLaren 570S Coupé ได้ถูกดีไซน์รูปลักษณ์ และการออกแบบภายนอกให้มีความสปอร์ตที่ปราดเปรียว ซึ่งจะมาพร้อมการใช้วิธี Superform โดยการเป่าอะลูมิเนียมที่ร้อนเป็นรูปร่างต่างๆที่ต้องการ ทำให้สามารถออกแบบรูปทรงชิ้นส่วนที่ประณีตได้ อาทิเช่น แผงหลัง ที่ให้น้ำหนักเบาด้วย อะลูมิเนียมเบากว่าคอมโพสิตในซุปเปอร์ซีรีส์ โดยใช้ที่บังโคลนหน้า-หลัง ฝากระโปรงห้องเครื่อง แผงหลัง ประตูด้านล่าง และเพดาน ส่วนบนของประตูรวมถึง tendons และ spitter หน้า ที่ทำจากคอมโพสิต



          ปิดท้ายด้วยการตกแต่งภายในห้องโดยสาร ที่เน้นในเรื่องของพื้นที่และหลักสรีรศาสตร์ เพื่อความสะดวกสบายของผู้ขับขี่และสัมภาระ โดยจะมีห้องโดยสารกว้างและยาวขึ้นกว่ารุ่นอื่น เสริมด้วยโครงคาร์บอนไฟเบอร์ และประตูปีกนกที่ได้รับการปรับปรุง จึงสามารถเข้าออกห้องโดยสารได้ง่ายยิ่งขึ้น ต่อด้วยเสา A ที่เลื่อนออกข้างมากขึ้นเพื่อเพิ่มพื้นที่ และการมองเห็นด้านหน้า ในขณะที่เสา B แคบลงเพื่อวิสัยทัศน์การขับที่ดีขึ้น อีกทั้งยังมอบความหรูหราเพิ่มยิ่งขึ้นด้วยการใช้ floating centre console เพิ่อสร้างความลึกให้แก่ห้องโดยสาร รูปร่างและเส้นสายไร้รอยต่อจากภายนอกถึงภายใน พร้อมด้วยระบบ IRIS หน้าจอสัมผัส McLaren 570S Coupé ใส่ใจในเรื่องการใช้งานประจำวัน จึงมีการสร้างที่เก็บสัมภาระตรงประตูแต่ละข้าง พร้อมช่องใส่ของตรงที่พักแขน และกระปุกเกียร์ ทำให้ได้รับความสะดวกสบายที่ยอดเยี่ยม

 

 

 

 

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook