เขียนโดย: Mhee 6524694

เมื่อ: 10 พฤษภาคม 2563 - 10:33

ภาพโดย: BeastTorque

Automotive | Lifestyle | Cars

บทสัมภาษณ์

 

            การแข่งขันดริฟท์ เป็นการแข่งขันรถอีกหนึ่งรายการที่ได้รับความนิยมไม่แพ้การแข่งขันกีฬาประเภทอื่นเลย ซึ่งได้รับความนิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศ นักแข่งดริฟท์ของเมืองไทยมีฝีไม้ลายมือไม่แพ้ชาติอื่นๆ ก็มีหลายๆ คนที่ออกไปโลดแล่นบนเวทีต่างประเทศ แต่เท่าที่เคยเห็นมา ยังไม่มีใครที่ไปได้ไกล จนเรียกได้ว่าเป็น "ระดับโลก...ที่แท้ทรู"  เช่นเดียวกับ เฮียปอนด์ เดชะพล โตยิ่งเจริญ ผู้ที่หลงใหลในการแข่งขันดริฟมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น จนปัจจุบันเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีม Toyo Tire Drift Do-Luck และได้สร้างหน้าประวัติศาสตร์ของการแข่งขันดริฟ์รายการ D1 GrandPrix ที่ประเทศญี่ปุ่น ด้วยการเป็นชาวต่างชาติคนแรก (และคนเดียวในโลก) ที่ขึ้นโพเดียมในการแข่งขัน D1 GrandPrix วันนี้ทีมงาน BoxzaRacing พาคุณไปรู้จักกับเขาให้มากขึ้น 

 

เฮียปอนด์ เดชะพล โตยิ่งเจริญ ชาวต่างชาติคนแรกและคนเดียวในโลก ที่ขึ้นโพเดียมในการแข่งขัน D1 GrandPrix

 

           เริ่มตั้งแต่วัยเด็ก เขาเดินตามคุณพ่อ ชูชัย โตยิ่งเจริญ เข้าสู่สนามแข่งรถ เนื่องจาก คุณพ่อเป็นนักแข่งรถ และได้ทำรถลงแข่งขันในสนามแข่ง ซึ่งเมื่อก่อนจะไปแข่งขันตามสนามบิน ซึ่งตัว เฮียปอนด์ก็ได้ติดตามคุณพ่อไปดูที่สนาม และได้ซึมซับกีฬามอเตอร์สปอร์ตมาตั้งแต่เล็กๆ คุณพ่อได้ฝึกขับรถให้เขาขับรถตั้งแต่ขายังไม่ถึงแป้นเหยียบ จับเขานั่งบนตักมือก็บังคับพวงมาลัย พอโตขึ้นมาได้ไปขับโกลคาร์ทและลงทำการแข่งขัน ซึ่งก็ต้องไปแข่งกับผู้ใหญ่ เนื่องจากตอนนั้นยังไม่มีแบ่งรุ่นเหมือนสมัยนี้ โดย ตัวรถก็จะทำการเซอร์วิสกันเอง เนื่องจากที่บ้านทำอาชีพเกี่ยวกับการนำเข้าอะไหล่อยู่แล้ว จึงสามารถซ่อมบำรุงรถเองได้ 

 

 

           ตอนปิดเทอมช่วงที่เรียน ปวช. เฮียปอนด์ ก็จะบินไปญี่ปุ่นบ่อยครั้ง เพื่อไปช่วยที่บ้านตัดของจากญี่ปุ่นมาขายในเมืองไทย ไปที่นู้นจะเรียกว่า ไคไต้ เหมือนสุสานรถญี่ปุ่น เป็นที่ทำลายรถ เป็นที่ยุบรถที่เกิดอุบัติเหตุ รถที่ไม่ใช้แล้ว คนที่ทำอาชีพนี้ ก็จะเข้าไปซื้ออะไหล่รถที่ใช้ได้ แล้วนำกลับมาขายที่เมืองไทย ซึ่งเรียกว่า “เชียงกง” ที่เกิดขึ้นมากมายในทุกวันนี้ เขาก็ช่วยงานที่บ้านมาตลอดจนเรียนจบปริญญาตรี 

 

 

           หลังจากที่จบปริญญาตรี ด้วยความที่บินไปบินมาญี่ปุ่นบ่อยและช่วยที่บ้านทำเชียงกงด้วย จึงตัดสินใจที่จะไป เรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศญี่ปุ่น ในคลาสเรียนที่นั่นเขาจะเรียกเราว่า “ไคโฮ” หมายถึง รุ่นพี่ ระหว่างที่เรียนอยู่ที่นู่น ก็มีกลุ่มรุ่นน้องที่ขับรถดริฟท์ลงเขา ซึ่งตอนนั้น เฮียปอนด์ เองยังไม่รู้จักเลยว่าดริฟท์ คือ อะไร ? จึงได้ตามรุ่นน้องไปดู เขาก็จะฝึกทำโดนัท ทำเลข 8 กันที่ลานจอดรถบนเขา พวกเซียนๆ ก็จะดริฟรท์ถลงเขามา พอเขาได้ไปดูได้ไปสัมผัส แล้วรู้สึกชอบ รู้สึกหลงใหล ประจวบกับตอนนั้น มีรุ่นพี่ให้รถ Nissan Skyline R32 มา ซึ่งรถคันนี้มี อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ แต่เจ้าของเห็นว่า เฮียปอนด์ สามารถซ่อมแซมได้ เขาจึงให้รถเรา หลังจากที่เขาให้รถคันนี้มา เฮียปอนด์ ก็ไม่รอช้า หาข้อมูลและสั่งของเพื่อที่จะมาใส่ในรถคันนี้ เริ่มจาก Limited Slip จากนั้นก็เปลี่ยนโช้คใหม่ และก็ไปกับพี่ๆ น้องๆ เพื่อไปฝึกดริฟท์บนเขา

 

 

            ระหว่างที่เขาฝึกซ้อมอยู่นั้น ก็เหมือนกับว่าโชคดีกว่าคนอื่นนิดนึง เนื่องจากเฮียปอนด์เป็นชาวต่างชาติที่ชื่นชอบการดริฟท์รถ คนญี่ปุ่นจึงให้ความสนใจและคอยแนะนำวิธีการขับให้เขา เหมือนจะโชคดี 2 ชั้น เมื่อเฮียปอนด์ได้ร่วมอีเว้นท์ซ้อมดริฟท์ตามปกติของเขาอยู่นั้น ก็มีนักแข่ง D1 GP ของญี่ปุ่นมาร่วมกิจกรรมนี้ด้วย และทางทีมงานให้เล่นเกมส์ “เป่ายิงฉุบ” ซึ่งเฮียปอนด์เองก็เล่นชนะ จึงมีโอกาสขึ้นนั่งรถแข่งที่นักดริฟ D1 GP ขับ และมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่ตัวเขาทำ มันคนละเรื่องกันเลย และเฮียปอนด์ ได้ลองให้เขาขับรถของตัวเอง ยิ่งรู้ถึงความแตกต่างของฝีมือเลย เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ แบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว  

 

 

            หลังจากที่หัดขับอยู่ที่ญี่ปุ่นในช่วงเรียน จังหวะปิดเทอมของที่นั้น เฮียปอนด์ ก็บินกลับมาเมืองไทยเพื่อมาเยี่ยมเยือนที่บ้าน การกลับมาคราวนี้เขาก็ทราบข่าวว่าจะมีการแข่งขัน Drift Competition ขึ้น ประจวบกับตอนนั้น ที่บ้านมีรถ Nissan Cefiro ของคุณแม่ แล้วคุณแม่ไม่ได้ใช้ จึงจัดการปลดระวางและ นำมาปรับแต่งเพื่อลงทำการแข่งขัน ซึ่งตอนนั้นก็แค่เปลี่ยนโช้ค ใส่ลิมิเต็ด สลิป เข้าไปใหม่ ทำเครื่องยนต์ใหม่นิดหน่อย อย่างอื่นก็ยังไม่ได้ทำอะไร มุมล้อยังเป็นมุมล้อเดิมอยู่เลย แต่เขาก็ทำการแข่งขันได้เพียงแค่ชั่วคราวเพราะต้องบินกลับไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น จึงทิ้งรถไว้ให้ เฮียเป้ กนพิชิต โตยิ่งเจริญ ซึ่งเป็นน้องชายเขา ทำรถและนำรถไปซ้อมดริฟท์ต่อ โดยเขาจะโทรทางไกลจากญี่ปุ่นมาให้คำปรึกษาเรื่อยๆ 

 

 

           เรียนจบ ป.โท กลับมาอยู่เมืองไทย คราวนี้เขาเริ่มขับรถดริฟ์เป็นจริงเป็นจังมากขึ้น ในช่วง 3 ปีแรก เขาได้อยู่ทีม Falken Drift Team โดยการเชิญชวนของ พี่เคน และเฮียโก จากนั้นเขาก็ย้ายมาอยู่ใน ทีมกระทิงแดง ดริฟท์ทีม โดยการเชิญชวนของ คุณกีกี้ ศักดิ์ นานา พอเข้ามาอยู่ในทีมนี้ เขาได้มีโอกาสได้ลงแข่งมากมายหลายสนามทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังได้โดดเข้าไปร่วมแข่งขันรถเซอร์กิตในรุ่น Super Eco และได้แชมป์ประจำปีมาครอง หลังจากได้แชมป์ประจำปีมาครองเขาก็ขยับขึ้นไป แข่งในรุ่น Thailand Supercar Class 3 โดยใช้รถ Nissan Skyline R32 ในระหว่างที่แข่งเซอร์กิต ก็ยังแข่งดริฟควบคู่กันไปด้วย และเขาก็ได้มีโอกาสไปแข่งที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นความฝันของเขาตั้งแต่แรกๆ ที่เริ่มทำการฝึกซ้อมดริฟท์เลยทีเดียว 

 

 

            อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของเขาก็คือได้เข้ามาร่วมทีม Toyo Drift Team ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในอดีตนั้น คุโรอิ (Atsushi Kuroi) ไอดอล ของเขาเคยอยู่ในทีมนี้ด้วย สำหรับการแข่งขันดริฟท์ในประเทศญี่ปุ่นโดยผ่านเข้ารอบลึกๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่...สุดยอดแล้ว แต่สิ่งที่ เป็นความภาคภูมิใจที่สุดของเฮียปอนด์ ก็คือ การได้ขึ้นไปยืนบนโพลเดียมอันดับที่ 2 ของการแข่งขัน D1 GrandPrix ที่ประเทศญี่ปุ่น ถือว่า เป็นคนต่างชาติคนแรกในโลก ที่ผ่านเข้ามาชิงชนะเลิศ และขึ้นโพเดี้ยมในการแข่งขันสำเร็จ จากกว่า 30 ปี ที่การแข่งขัน D1 GrandPrix ที่เคยมีมา 

 

 

            นอกจากในประเทศญี่ปุ่น เฮียปอนด์ ก็ออกไปโลดแล่นบนเวทีดริฟท์ประเทศอื่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น มาเลเซีย สิงค์โปร จีน รัสเซีย เป็นต้น และอีกหนึ่งประสบการณ์การขับดริฟท์ของเขาที่ไม่ลืมก็คือ มีโอกาสได้ไปดริฟท์บนหิมะที่รัสเซียและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้เขาอีกด้วย 

 

 

          เริ่มมีชื่อเสียงในวงการแข่งรถดริฟท์มากขึ้น ก็มีแฟนคลับที่ตามชม ตามเชียร์มากขึ้น แฟนคลับบางคนก็อยากที่จะให้เฮียปอนด์สอนขับดริฟท์ หรือน้องๆ หน้าใหม่ก็จะเข้ามาขอคำปรึกษาจากเขาบ้าง ถ้าเขาไม่ติดธุระหรือติดไปแข่งที่ไหน เขาก็จะคอยให้คำปรึกษาและให้คำตอบ ตรงจุดนี้เอง...เขาก็คิดขึ้นมาได้ว่าถ้าเราจะเปิดโรงเรียนสอนขับรถดริฟท์ขึ้นมาเลยจะดีไหม เขาก็ไปขอคำปรึกษาจาก พี่กีกี้ ศักดิ์ นานา เกี่ยวกับแนวทางและความเป็นไปได้ ก่อนที่จะเปิดโรงเรียนสอนดริฟท์แห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งมีชื่อว่า Drive to Drift ซึ่งนอกจากเฮียปอนด์จะลงมือสอนด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิดแล้ว ก็ยังมีนักดริฟท์ระดับชั้นนำมากมายเข้าร่วมการสอนด้วย เช่น เฮียเป้ กนพิชิต โตยิ่งเจริญ และที่ขาดไม่ได้ก็คือ คุณมาซาโตะ คาวาบาตะ นักดริฟท์ระดับแชมป์โลกที่ฝากผลงานมาแล้วมากมาย เจ้าของสถิติการดริฟท์ที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยความเร็วกว่า 300 กม./ชม. ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ในทีม Toyo Tires Drift ที่ประเทศญี่ปุ่น 

 

 

             สำหรับการตัดสินใจเปิดโรงเรียน Drive To Drift ขึ้นมา มีวัตถุประสงค์หลักๆ คือ ต้องการที่จะสอนคนที่อยากจะขับดริฟท์เป็น ให้รู้จักวิธีการขับรถดริฟท์ว่าเขาทำอย่างไร เพื่อเป็นแนวทางศึกษาก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่วงการอย่างแท้จริง จะได้ลองให้รู้ ว่าชอบจริงๆ หรือไม่ โดยยังไม่ต้องลงทุนกับรถ รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ ไปก่อน โดยทางโรงเรียนจะมีรถดริฟท์, มียางให้ และรับจำนวนจำกัดคอร์สละ 15 คนเท่านั้น จะเริ่มสอนตั้งแต่พื้นฐานเลย ไม่ว่าจะเป็นอาการรถ OverSteer หรือ UnderSteer อาการรถเป็นอย่างไร การทำโดนัท การทำเลข 8 การใช้คันเร่ง การดึงเบรคมือ ทุกอย่างล้วนเป็นพื้นฐานของการขับขี่ดริฟท์ทั้งนั้น นอกจากจะสอนให้ดริฟท์รถเป็นแล้ว ยังสอนวิธีการขับขี่รถในชีวิตประจำวันหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น รถอาจจะมีอาการสะบัด อาการรถจะเป็นอย่างไร และเราจะสามารถแก้อาการของรถอย่างไร ทำให้ผู้ขับขี่เข้าใจอาการของรถมากขึ้น และเรียนรู้วิธีแก้ไขได้ เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่มากขึ้น 

 

 

           ทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความยิ่งใหญ่ ที่เรียกได้ว่า...ขึ้นระดับเวิลด์คลาสของชายที่ชื่อว่า  ปอนด์ เดชะพล โตยิ่งเจริญ เจ้าสำนัก Injection MotorSport ผู้ที่นำธงไทยไปโบกสะบัดบนโพเดียมการแข่งขัน D1 GrandPrix ที่ประเทศญี่ปุ่น และยังเปิดโรงเรียนสอนขับรถดริฟ์เพื่อทำการแข่งขันและปรับใช้ให้เหมาะสมกับชีวิตประจำวันอีกด้วย เพื่อนๆ ถ้าอยากจะเรียนการขับขี่รถดริฟทท์ลองเข้าไปติดตามได้ในแฟนเพจ Drive To Drift ฝากติดตามผลงานการแข่งขันดริฟของเขาด้วยทั้ง FB: Daychapon Toyingcharoen หรือใน Instagram : Pond Injec 

 

ขอบคุณรูปภาพเพิ่มเติมจาก FB : Daychapon Toyingcharoen 

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook