ถ้าจะเอ่ยชื่อนักแข่งรถยนต์ในเมืองไทยชื่อ เล้ง มังกรไฟ จรัส แจ้งกมลกุลชัย น่าจะเป็นอีกชื่อหนึ่งที่แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตในเมืองไทยต้องรู้จัก เนื่องจากเขาคนนี้โลดแล่นอยู่ในวงการมอเตอร์สปอร์ตของบ้านเรามาเกือบ 30 ปี มีผลงานออกมาสู่สายตาแฟนๆ มากมายหลายอย่างและล่าสุดเขาก็สามารถคว้าแชมป์ประเทศไทยในรุ่น Thailand Super Pick up Class A ของรายการ Thailand Super Series ได้ถึง 2 ปีซ้อน เลยทีเดียว เรามาทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้นดีกว่า ว่าเขาสามารถยืนหยัดอยู่ในวงการนี้มาได้อย่างไร
ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว
ย้อนอดีตกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว “เล้ง จรัญ แจ้งกมลกุลชัย” ก็เหมือนเด็กหนุ่มทั่วๆ ไปที่ชื่นชอบการแข่งขันรถยนต์ ชื่นชอบความเร็ว พอมีโอกาศแล้วมีจังหวะ เขาก็กว้างเข้าสู่วงการมอเตอร์สปอร์ตด้วยการขับรถแข่ง Rally ก่อนซึ่งยุคนั่นได้รับความนิยมอย่างมาก ในช่วงแรก ก็ลองผิดลองถูกไปชนะบ้างแพ้บ้าง เป็นเรื่องปรกติของการแข่งขัน หลังจากที่โลดแล่นอยู่ในวงการ Rally อยู่พักใหญ่ เขาก็เริ่มหาความท้าทายใหม่ๆ ด้วยการไปแข่งรถ 2 ล้อ ทางเรียบซึ่งก็เป็นอีกการแข่งขันหนึ่งที่ท้าทายความสามารถของเขา จังหวะนั่นเขาก็กระโดดลงไปแข่งขัน Off Road ด้วยเช่นกัน ซึ่งเรียกได้ว่าอะไรที่มีล้อมีเครื่องเขาเล่นหมดทุกอย่างเลย
ถ้วยพระราชทานรัชกาลที่ 9 ด้วยความภูมิใจ และที่มาของชื่อ “เล้ง มังกรไฟ”
หลังจากโลดแล่นอยู่ในทางฝุ่นพักใหญ่ คราวนี้เขาหันเข็มตัวเองลงมาแข่งขันประเภททางเรียบบ้าง ในยุคนั่นมีรายการแข่งรายการไหน เขาจะเข้าร่วมทำการแข่งขันแทบทุกรายการหนึ่งในรายการนั่นก็คือ Soluna One Make Race ซึ่งเป็นการแข่งขันรถวันเมคเรซในยุคแรกๆ ของรายการ Toyota Motor Sport ก็ว่าได้ ซึ่งเขาใช้รถ Toyota Soluna ลงทำการแข่งขันในขณะนั่น เขาก็สามารถคว้าแชมป์ประจำปี ถ้วยพระราชทานของรัชกาลที่ 9 ซึ่งถือว่าเป็นอีกเกียรติประวัติหนึ่งที่เขาภาคภูมิใจ ระหว่างนั่นเขาก็ยังลงแข่งรถ Rally ในรายการระดับประเทศรายการหนึ่งซึ่งมีนักแข่งเข้าร่วมทำการแข่งขันมากมายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งเขาก็สามารถคว้าแชมป์มาครองได้ โดยการมอบถ้วยคราวนั่นไปแจกกันที่จังหวัด นครสวรรค์ ก่อนที่จะแจกถ้วยแชมป์ของรายการมีการแสดงมังกรไฟซึ่งเป็นที่ขึ้นชื่อของเมือง นครสวรรค์ คุณบุญส่ง หรือ น้าลูกน้ำ เป็นพิธีกรอยู่ขณะนั่นได้เรียกชื่อ เล้ง ที่ก้าวออกมารับถ้วยพร้อมมังกรไฟจึงเป็นที่มาของคำว่า “เล้ง มังกรไฟ” จนถึงปัจจุบันนี้ จากนั่นเขาก็หัวไปขับกระบะในรุ่น Mitsubishi L-200 Cyclon One Make Race และเขาก็สามารถคว้าแชมป์ประจำปีมาครองได้เช่นกัน หลังจากที่ประสบความสำเร็จในทางเรียบจึงหันมาแข่งรถ Cross Country โดยใช้รถ Triton ลงทำการแข่งขันในกีฬาประเภทนี้ และได้สร้างทีมขึ้นมาโดยใช้รถ Chevrolet ลงทำการแข่งประมาณ 4 ปี จึงเบนหัวอีกครั้งเมื่อมาหาอะไรท้าทายใหม่ๆ ประจวบกับตอนนั่นทางรายการ Super Car Thailand ได้จัดแข่งขันในรุ่นกระบะขึ้น โดยในตอนแรกเป็นเครื่องดีเซลที่ไม่ใช่คอมมอนเรลเพราะในยุคที่ลงทำการแข่งขันนั่นยังไม่มีเครื่องคอมมอนเรลเป็นปั้มสายหรือเป็นยุคต้นๆ ของการแข่งขันรถกระบะในบ้านเรา จนเปลี่ยนมาเป็นเครื่องคอมมอนเรลจนถึงปัจจุบันนี้
แชมป์ประเทศไทย 2 ปีซ้อน
การที่เลือกใช้รถ Toyota Revo ลงทำการแข่งขันส่วนหนึ่งเพราะว่าต้องการทำอะไรใหม่ๆ เพื่อเป็นการท้าทายความสามารถของตัวเอง ประจวบกับตอนนั่นทางค่ายรถ Toyota ได้เปิดตัวรถกระบะ Toyota Revo ออกมาจำหน่ายพอดี จึงได้เข้าไปคุยกับทางค่ายรถ Toyota เพื่อจะนำรถ Toyota Revo มาพัฒนาและร่วมทำการแข่งขันในรุ่น Thailand Super Pick Up ของรายการ Thailand Super Series โดยในปีแรกเป็นขั้นตอนของการทดลองและพัฒนาเพื่อหาจุดที่รถคันนี้แรงที่สุดและทนที่สุดให้ได้ เขาใช้เวลาพัฒนาและวิจัยอยู่ประมาณ 2 ปี ก่อนที่จะประสบความสำเร็จและผลงานล่าสุดที่เขาทำได้คือ ได้แชมป์ประเทศไทย 2 สมัย ในรุ่น Thailand Super Pick Up ของรายการ Thailand Super Series
เตรียมตัวและทำผลงานให้ดีที่สุดในปี 2020
ไม่ว่ากีฬาอะไร การที่เป็นแชมป์ของรายการนั่นๆ ว่ายากแล้ว แต่การที่จะป้องกันแชมป์นั่นยากกว่า ตัวของ พี่เล้ง เองซึ่งอายุก็มากขึ้นทุกปี การเตรียมตัวเตรียมร่างกายย่อมมากขึ้นกว่าปรกติ ทุกวันนี้เขาปั่นจักรยานออกกำลังกายทุกวันที่ว่างเพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์อยู่ตลอดเวลา และตรวจเช็ควิจัยพร้อมพัฒนาเครื่องยนต์ให้มีความสมบูรณ์อยู่ตลอดเวลาเพื่อที่จะให้สมบูรณ์ที่สุดในทุกๆ รอบการแข่งขัน แล้วอยากจะฝากถึงน้องๆ หน้าใหม่ที่จะเข้ามาสู่วงการมอเตอร์สปอร์ตของเมืองไทย อยากจะให้หาที่ปรึกษาดีๆ ในการทำรถ ในการซ้อมรถ แล้วจะได้สนุกในการแข่งขันกีฬามอเตอร์สปอร์ตของบ้านเรา
เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่อยู่ในวงการมอเตอร์สปอร์ตมาอย่างยาวนาน ผ่านร้อน ผ่านหนาว มามากมายหลายอย่างและลงทำการแข่งขันแทบจะทุกรายการของเมืองไทยแล้ว และปัจจุบันยังคงแข่งขันต่อไปเรื่อยๆ อีกด้วย ชื่อของเขาคือ “เล้ง มังกรไฟ จรัล แจ้งกมลกุลชัย”
รูปภาพบางส่วนจากเฟสบุ๊ค : jaras jaengkamolkulchai
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook