แม้วันเวลาจะผ่านมานับสิบปี ทว่าความนิยมใน Compact Car อย่าง Honda Civic EG ยังไม่ลดน้อยลง ตรงกันข้ามกลับได้รับความนิยมจากเหล่าบรรดาวัยรุ่น วัยแรง ทั้งใน และต่างประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ราคาค่าตัวรวมถึงของแต่งพุ่งทะยานขึ้นสูงไปเลื่อยๆ จนของแต่งบางรายการมีราคาท่วมตัวรถไปแล้วด้วยซ้ำ ซึ่งสิ่งที่กล่าวมานี้ไม่ได้มโนพูดขึ้นเอง แต่มีให้เห็นเป็นรูปธรรมแล้ว แน่นอนว่าส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมที่ชอบ โชว์ของ จึงเกิดการสรรหาของแต่งแปลกๆ ทั้งของเก่า และของใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมา และนี่อาจเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมรถรุ่นนี้ถึงยังได้รับความนิยมอยู่ เพราะของแต่งมีให้เลือกใส่แบบล้นตลาดนั่นเอง
แต่ก่อนไปดูว่าตัวโชว์ที่เราทีมงาน BoxzaRacing นำมาอวดนี้ เป็นอย่างไร มาดูเรี่องราวเล็กๆ น้อยๆ ของรถคันนี้ว่ามีที่มาอย่างไร สำหรับรถรุ่นนี้ถูกผลิต และจำหน่ายในช่วง ปี 1991-1995 แน่นอนว่าในช่วงนั้นรถต้นตำหรับ ถูกผลิตในเมือง Suzuki ประเทศญี่ปุ่น ส่วนบ้านเราผลิตที่โรงงานภายในนิคมอุตสาหกรรมของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งคนที่เป็นเจ้าของรถ หรือพูดง่ายๆ ว่าชื่อรถทันในช่วงเวลานั้นนั้นจะได้รถที่มีมาตรฐานใกล้เคียงกันกับรถที่ผลิตอยู่ในหลายประเทศ ด้วยเพราะยุคนั้นยังไม่ได้มีการแบ่งชนชันสเปคมากนัก โดยแต่ละประเทศจะมีความแตกต่างกันในเรื่องรายละเอียดปลียย่อยนิดหน่อยตามแต่ละพื้นที่ พวงมาลัยซ้ายหรือขวา เบาะนั่งแบบหนังหรือผ้า รวมไปถึงระบบทำความเย็น และระบบสร้างความอุ่นภายในรถ เป็นต้น
และอย่างที่บอกไปตอนต้นว่ารถรุ่นนี้เป็นประเภท Compact Car ที่มีไลน์การผลิตแตกแยกออกเป็น 3 บอดี้ คือ แบบ 2 ประตู หรือ Coupe ในรหัสตัวถัง EJ, แบบ 3 ประตู หรือ Hatchback ในรหัสตัวถัง EG, EH และแบบ 4 ประตู หรือ Sedan ในรหัสตัวถัง EG, EH เช่นกัน โดยรุ่นนี้ยังมีต้นกำเนิดพลังในการขับเคลื่อนมากมาย ตั้งแต่ เครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร, 1.5 ลิตร, 1.6 ลิตร และ 1.8 ลิตร ที่มีทั้งแบบ 4 เกียร์อัตโนมัติ และ 5 เกียร์ธรรมดา และมีทั้งแบบเครื่องวางหน้าขับหน้า และแบบเครื่องวางหน้าขับเคลื่อนสี่ล้อ
ระบบช่วงล่างเป็นส่วนที่ไม่แตกต่างกันเพราะยึดหลักของบอดี้ แต่ว่าในยุค 90's รถรุ่นนี้ถือว่ามีความโดดเด่นในเรื่องระบบช่วงล่าง เพราะน้อยค่ายที่เลือกใช้ช่วงล่างหลังแบบอิสระปีกนก ส่วนใหญ่จะเป็นแบบทอร์ชั่นบีม จะด้วยเพราะต้องการความแข็งแรง หรือประหยัดต้นทุกในการผลิตก็สุดแล้วแต่ผู้ผลิต
และสำหรับตัวโชว์คันที่เห็นอยู่นี้ ไม่เพียงแค่ปรับปรุงให้มีสภาพดีจนแทบไม่ต่างจากรถที่ออกมาจากโชว์รูมเท่านั้น แต่ยังมีการปรับแต่งให้ทันกับยุคสมัย บวกกับความต้องการที่จะให้รถมีสรรมถนะที่สูงขึ้นกว่าเดิม จะเห็นว่ามีหลายส่วนที่ถูก อัพเกรพ เข้าไป มาดูกันคร่าวๆ ว่ามีอะไรที่ปรับไปบ้าง เริ่มจากสภาพภายนอก ที่ปรับลุคในแบบ Spoon Style กันแบบรอบคัน อาทิ กระจกมองข้าง ลิ้นต่อกันชนหน้า รวมไปถึงหางหลังทรงเอกลักษณ์ ส่วนภายในเก็บงานเรียบร้อย โดยมีชุดของแต่งหลายรายการ ทั้ง เบาะนั่งคู่หน้า Recaro หน้าปัดพื้นขาว TCS รวมไปถึง พวงมาลัยสามก้าน ภายในตุ๊กแกดำราคาแพงตามสมัยนิยม
เบาะนั่งคู่หน้า Recaro raptor
ภายในตุ๊กแกดำ สภาพดี
เรื่องของพละกำลังจากเครื่อง B16B ปรับแต่งเรื่องอากาศ ด้วยคอไอดี Skunk2 ต่อกับเรือนลิ้นเร่ง Work พร้อมกับกรองอากาศ Top fuel ระบบจ่ายเชื่อเพลิงของ HYB ที่ได้รางหัวฉีด Work มาแทนของเดิมแบบตรงรุ่น เฟืองแคมชาฟท์ Toda รวมถึงสายพาน Timeing จากแบรนด์เดียวกัน และสเตปนี้เลือกใช้กล่อง Link Monsoon มาเป็นตัวควบคุมองศาจุดระเบิดและการจ่ายเชื่อเพลิง ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์เดิมจากเครื่อง
ระบบไอเสียเป็นตัวสร้างกำลังทางอ้อม ซึ่งคันนี้เลือกใช้ เฮดเดอร์ รวมถึงท่อทางเดินจากกลางถึงปลายของ Spoon และระบบระบายความร้อนเป็นเรื่องสำคัญต่อการใช้งาน โดยได้เปลี่ยนมาใช้หม้อน้ำแบบอะลูมิเนียมยาวเต็มหน้าของ Blox
เฮดเดอร์ รวมถึงท่อทางเดินจากกลางถึงปลายของ Spoon
ช่วงล่างอย่างที่บอกไปตอนต้นว่าเป็นจุดเด่นของรถรุ่นนี้ ด้วยช่วงล่างแบบอิสระปีกนก ถูกอัพเกรดด้วยช็อคอับคุณภาพสูงของ Tein รุ่น flex ที่ให้การยึดเกาะที่ดีขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า แต่ต้องแลกมาด้วยความกระด้าง นอกจากนี้ยังเสริมด้วยค้ำหน้า Spoon ลดการขยับตัวไปได้มาก ล้อเลือกใช้ของ Spoon ขนาด 15 นิ้ว รวมไปถึงยาง Toyo ขนาด 205/50 R 15 ชุดเบรกของ Spoon
โดยรวมแล้วเป็นรถที่ทำออกมาได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้ของ การเก็บงานหรือแม้แต่การปรับแต่งเพื่อให้ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์มากที่สุด ซึ่งต้องบอกว่าแนวทางนี้ได้รับความนิยมไปทั่วโลก รวมถึงในบ้านเรา งานนี้ก็ขึ้นอยุ่กับว่าใครทำได้ครบ เหมือนกับต้นฉบับของญี่ปุ่นมากที่สุดเท่านั้น
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook