ตัวแข่งแดร็คจากทีม Motiontuning Racing Team by BRC Clutch
RacingMagazine ตอนนี้จะพาไปชมของสวยๆ งามๆ เนียนๆตา กับ Honda Civic EG 3 ประตู รถอีกหนึ่งรุ่นที่ขึ้นแท่นรถซิ่งตลอดกาล แถมเป็นตัวแข่งสนามแดร็คจากทีม Motiontuning Racing Team by BRC Clutch ที่ทำเต็มสุดจัด เก็บทุกเม็ดทุกส่วนแบบสเต็ปรถแข่ง ที่ไม่ได้หาดูกันง่ายๆ ส่วนรายละเอียดของรถคันนี้จะเป็นอย่างไรนั้น เราไปดูกันเลยดีว่าครับ
ฝากระโปรงคาร์บอนไฟเบอร์โดย Monza
สปอยเลอร์หลังคาที่ช่วยลดแรงลมหมุนวนท้ายรถ ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์
Honda Civic EG คันนี้เป็นรถสไตล์แฮตช์แบ็ค 3 ประตู พื้นฐานรถบ้านๆ ในเจเนอร์เรชั่นที่ 5 เปิดตัวในไทยเมื่อปี 1992 จับกลุ่มวัยรุ่นด้วยความเป็นรถกะทัดรัดราคาไม่แพง ทำให้ขายดีมาก เรียกว่าถล่มทลายเลยดีกว่า เพราะตอนนั้นไม่มีรถระดับเดียวกันที่ราคาถูกแบบนี้ ต่างกับสมัยนี้ที่มีอีโค่คาร์มาแย่งกันขายจนเราเลือกไม่ถูก สำหรับ Civic EG 3 ประตูคันนี้ ที่เลือกมาเพราะไม่ใช่ราคาถูก แต่เพราะพื้นฐานรถสามารถไปต่อได้ เพราะมีช่วงล่างอิสระ 4 ล้อที่เหมาะกับการเซ็ตแข่ง พร้อมรองรับเครื่องยนต์ตระกูลแรงๆได้โดยไม่ต้องทุบเจาะเลาะพื้นมากมายอะไร จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นรุ่นนี้ถูกโมดิฟายกันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่คันนี้พิเศษไปกว่านั้นตรงที่เน้นทำแข่งลงสนามโดยเฉพาะ ชนิดที่ว่าไม่สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้เลย
กันชนหน้า Monza ทรงเรียบที่เจาะรูเอาไว้ใส่ช่อง Ram Air
ดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่ ออกแบบโดย Motiontuning
ภายนอกของ Honda Civic EG 3 ประตู มีความสวยเรียบๆ สไตล์ยุค 90 ที่ยังสวยไม่มีเบื่อ แต่งให้ซิ่งได้จริงด้วยกันชนหน้า Monza ทรงเรียบที่เจาะรูเอาไว้ใส่ช่อง Ram Air ขนาดทางเข้าที่ใหญ่ แล้วค่อยๆบีบให้เล็กลง เพื่อเพิ่มความเร็วการเดินอากาศก่อนเข้าไอดี ตามด้วยฝากระโปรงคาร์บอนไฟเบอร์โดย Monza ช่วยลดน้ำหนักได้มาก เช่นเดียวกับกระจกหน้าและข้างทำจากโพลีคาร์บอนเนตที่ไล่เบาได้ดี ส่วนซุ้มล้อข้างถูกเปลี่ยนใหม่ให้มีโป่งใหญ่ขึ้น รองรับความกว้างของแทร็คล้อตามไป ไปดูที่ด้านหลังมีสปอยเลอร์หลังคาที่ช่วยลดแรงลมหมุนวนท้ายรถได้จริง ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมกันชนล่างถูกปาดออกเพื่อใส่ดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่พอกัน ออกแบบโดย Motiontuning ส่วนวัสดุทำจากคาร์บอนไฟเบอร์
เบาะคนขับเป็นของ Kirkey ทรงบางเฉียบ กับโรลบาร์ 6 ที่รถแข่งต้องมี
พวงมาลัยใช้ยี่ห้อ OMP หุ้มหนังกลับ ที่มาตรวัดใช้จอ AIM MXL แบบดิจิตอล
ภายในตามสไตล์รถแข่ง ก็มีการไล่เบาสุดชีวิต รีดน้ำหนักออกไปให้มากที่สุด เริ่มจากการถอดเบาะผู้โดยสารออกทั้งหมด เปลี่ยนเบาะคนขับเป็นของ Kirkey ทรงบางเฉียบ ไร้นวมบุนุ่มใดๆ คาดด้วยเบลท์ TRS แบบ 4 จุดตามสเปคตัวแข่ง มาที่คอนโซลก็ถูกรื้อออกไปทั้งหมด แทนที่ด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ที่เจาะช่องไว้ใส่มาตรวัดที่จำเป็น คือจอ AIM MXL แบบดิจิตอล ส่วนพวงมาลัยใช้ยี่ห้อ OMP หุ้มหนังกลับให้กระชับมือ ต่อกับคอพวงมาลัยของ NRG ทางด้านหัวเกียร์และด้าม ยกชุดของ K-Tuned มาใส่แบบไม่มีคอนโซลเกียร์ครอบเลย ตบท้ายด้วยโรลบาร์ 6 จุดซึ่งเป็นของที่รถแข่งต้องมีตามกฎจริงๆ
เครื่อง K24 หายใจเองล้วนๆ แต่รีดกำลังได้ 380 แรงม้า
จัดก้านสูบ BC เปลี่ยนลูกสูบ Wiseco ขนาด 88 มม.
เห็นเป็นตัวแข่งแบบนี้ แน่นอนว่าความพีคสุดอยู่ที่เครื่องยนต์ ใช้รหัส K24 ไม่มีระบบอัดอากาศใดๆ ทำการรีดกำลังออกมา 380 แรงม้า ด้วยการใส่แคมชาร์ฟยี่ห้อ Innermotive เปลี่ยนสปริงวาล์วให้แข็งขึ้นโดย Ferria สวมปลอกวาล์วหรือรีเทนเนอร์จากยี่ห้อ Ferria ใส่น๊อตฝาสูบของ ARP มาต่อกันทีท่อนล่างเพิ่มความทนทานด้วยชาร์ฟอก และชาร์ฟก้านของยี่ห้อ ACL ที่ด้านในเสื้อสูบ มีเพียงข้อเหวี่ยงเท่านั้นที่เป็นของเดิมจากบล็อค K24 นอกนั้นเปลี่ยนใหม่ทั้งการใส่ก้านสูบ BC เปลี่ยนลูกสูบ Wiseco ขนาด 88 มม. ปิดด้วยน๊อตก้านยี่ห้อ ARP 2000 นี่แค่ไส้ในเครื่องยังสุดขนาดนี้ แถมมีส่วนประกอบรอบเครื่องถูกโมดิฟายให้สุดกว่าเดิมอีก
ท่อไอเสียขนาดโตถึง 3 นิ้ว เดินตรงออกทะลุฝากระโปรง
ส่วนประกอบรอบเครื่องก็ทำใหม่เพิ่มให้รีดออกมาทุกแรงม้า เริ่มด้วยการเปลี่ยนท่อไอดีโล่งๆของ Skunk ตรงไปสู่ลิ้นปีกผีเสื้อขนาด 74 มม.ยี่ห้อเดียวกัน ด้านไอเสียก็ตีเฮดเดอร์ใหม่ของ Spark ต่อกับท่อไอเสียขนาดโตถึง 3 นิ้ว เดินตรงออกทะลุฝากระโปรง ชนิดที่ไม่ต้องเก็บเสียงเก็บอาการใดๆแล้ว มาดูกันที่ระบบไฟ มีการใช้หัวเทียน Brisk คู่กับคอยล์จุดระเบิด K + Monster Spark ควบคุมด้วยกล่อง ECU Master รุ่น Classic ทางด้านระบบน้ำมันก็ต้องดูดขึ้นมามากกว่าเดิม ได้เพิ่มปั๊มติ๊กนอกถังของยี่ห้อ DW 350 มีตัวเรกูเลเตอร์ไว้คุมแรงดันให้คงที่มาจากของ HYB ใส่ลงรางหัวฉีด K-Tuned เปลี่ยนมาใช้หัวฉีด Atomizer ขนาดโตถึง 2500 ซีซี ในเครื่องทำเต็มขนาดนี้ ก็ต้องทำระบบส่งกำลังให้สุดตามไปด้วย กับคลัตซ์ยี่ห้อ BRC แบบ Single Plate เปลี่ยนเฟืองท้ายอัตราทด 4.3 เป็นแบบ LSD (Limited Slip Differential) ทางด้านระบบเกียร์ธรรมดา ยังเป็นลูกเดิมที่รับได้สบายๆ
ล้อแม็กซ์ของ Weld ลายยอดฮิตในรถควอเตอร์ไมล์
ยางหลังของ Mickey Thompson แบบบาง
ถึงเป็นรถแดร็คทางตรงแบบนี้ หลายคนนึกว่าช่วงล่างไม่ต้องทำเยอะอะไร เพราะรถไม่ต้องเลี้ยว แต่จริงๆแล้วก็ต้องทำเยอะมากไม่แพ้รถเซอร์กิต เริ่มด้วยโช้คอัพของ Ohlins PCV ใส่ล้อแม็กซ์ของ Weld ลายยอดฮิตในรถควอเตอร์ไมล์ ขนาดหน้า15x8 นิ้ว และหลัง 15x3 นิ้ว ส่วนยางหน้าของ Toyo R1R ขนาด 205/50 ส่วนยางหลังของ Mickey Thompson แบบบาง เพื่อลดแรงเสียทาน ขนาดแค่ 22/15 นิ้ว มาดูกันที่ระบบเบรค ยกชุดคาลิปเปอร์เบรคหน้ามาจาก Accord ที่ใช้เครื่อง H22 เดิม ซึ่งมั่นใจเลยว่าเอาอยู่ ส่วนคาลิปเปอร์เบรคหลังยังคงเดิม ส่วนจานเบรคใช้ชุดที่ยกมาจากแพเครื่อง B16 พร้อมใส่ผ้าเบรค N Sport ให้หยุดเอาอยู่ ไม่ลงคูน้ำปลายแทรคแน่นอน
ตัวแดร็คแต่งสุด อะไรก็หยุดเขาไม่ได้ (ยกเว้นผ้าเบรค)
Honda Civic EG 3 ประตู ผลงานตัวแข่งจากทีม Motiontuning Racing Team by BRC Clutch คันนี้ถือว่าสุดขีดแห่งซีวิคอีกคัน เพราะถูกเก็บงานสวยด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ โมดิฟายแรงด้วยเครื่องใหญ่ระดับ K24 แบบหายใจเอง กับกำลังระดับ 380 แรงม้าที่ไว้ใช้ลงแข่งเต็มตัว ของหายากแบบนี้ไม่ได้มีให้ดูง่ายๆ นอกจากในคอลัมน์ RacingMagazine นี้เท่านั้น และตอนต่อไปยังมีรถแต่งมาให้ชมกันอีกแน่นอน อย่าลืมติดตามชมกันนะครับ สวัสดี
Tech Spec
ภายนอก
ภายใน
เครื่องยนต์
ช่วงล่าง
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook