ตัดต่อวิดีโอโดย: LUCKY-THIRTEEN
----------------------------------------------------------------------------------------
Honda Civic EG ของทาง Injector Shop&Jack Saunsiam
ในชั่วโมงนี้กระแส Honda ในบ้านเรารวมไปถึงในต่างประเทศคงไม่มีอะไรที่ร้อนแรงไปกว่า ข่าวการโมดิฟายเครื่องยนต์บล็อก D-Series หรือเครื่องยนต์แคมเดี่ยวในรูปแบบ N/A ให้มีแรงม้ามากถึง 405 ตัวนั่นเอง ซึ่งสถิติแรงม้าดังกล่าว ถือว่าเป็นเครื่องยนต์ในตระกูลแคมเดี่ยวและ D-Series ที่มีแรงม้ามากที่สุดในโลกอีกด้วย ซึ่งถ้าว่ากันตามตรงแล้ว เครื่องยนต์ในตระกูลแคมเดี่ยว จะมีข้อจำกัดในเรื่องการโมดิฟายความแรงมากกว่าเครื่องยนต์แคมคู่เทคโนโลยีใหม่ จำพวกตระกูล K-Series ที่สามารถโมดิฟายในพิกัด 400 แรงม้ากันแบบสบายๆ ดังนั้นในวันนี้ BoxzaRacing จะพามาเจาะลึก Honda Civic EG ของทาง Injector Shop&Jack Saunsiam กันว่า เขาโมดิฟายเครื่องยนต์ D-Series N/A กันอย่างไร
กันชนหน้าทรง Drag ของทาง My Car Garage
กันชนหลังงาน Custom จาก Aero Body
สปอยเลอร์ทรง Drag จากสำนัก Akana
เริ่มต้นกันที่ภายนอกกันก่อนเลยดีกว่าครับ สำหรับภายนอกก็คงต้องบอกว่าไม่มีอะไรพิเศษแตกต่างกับรถแข่งคันอื่นๆมากนัก โดยตัวรถยังคงความเป็นบอดี้ของ Civic EG 3 ประตูไว้อยู่แต่ได้มีการเปลี่ยนกันชนหน้าใหม่ตามสไตล์รถ Drag ของทาง My Car Garage ส่วนสเกิร์ตข้างและกันชนหลัง ออกแบบใหม่โดยทาง Aero Body ทั้งหมด พร้อมด้วยการเพิ่มสปอยเลอร์ทรง Drag ของทางสำนัก Akana เข้ามา ส่วนประตูทั้ง 2 ฝั่งก็เปลี่ยนไปใช้ประตูคาร์บอนไฟเบอร์ รวมไปถึงกระจกแบบอะคริลิคอีกด้วย ที่สามารถลดน้ำหนักของตัวรถลงไปเยอะเลยทีเดียว
เบาะ Technocraft ที่มากับเบลล์ของ HPI
ภายในทั้งรื้อทั้งตัด แทนที่ด้วยแผ่นมิเนียม
ในส่วนของภายในก็ต้องบอกว่า “รื้อเกลี้ยง” ตามสูตรรถแข่ง เหลือเพียงสิ่งที่จำเป็นเอาไว้เท่านั้น โดยเบาะฝั่งคนขับได้ทำการถอดเบาะเดิมออกแล้วแทนที่ด้วยเบาะ Technocraft ที่เป็นวัสดุคาร์บอนเคฟล่าห์ทั้งตัว ที่หายห่วงเรื่องน้ำหนักที่จับคู่กับเข็มขัดนิรภัยของทาง HPI จากนั้นเพิ่มความปลอดภัยและความแข็งแรงภายในห้องโดยสารด้วยโรลบาร์แบบ 6 จุด เท่านี้ยังไม่พอ เพื่อให้ตัวรถนั้นมีน้ำหนักที่เบาลงไปอีก ทางเจ้าของรถจึงได้ทำการเลาะพื้นตัวถังออกหมดและแทนที่ด้วยการปูแผ่นมิเนียมปิดทับเข้าไปก็เป็นอันเสร็จ
เครื่องยนต์ D-Series ตัวนี้แหละที่มีม้าถึง 405 ตัว
หัวฉีดสูตรพิเศษขนาด 1,700 cc. ของทาง Injector Shop
ท่อไอดีสวยๆจากทาง Edelblock
กราฟแรงม้าการันตีความแรง
มาถึงไฮไลท์หลักของเจ้ารถคันนี้กับในส่วนของเครื่องยนต์กันบ้าง โดยอย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้แล้วว่า เครื่องยนต์ที่ประจำการอยู่ใน 3 ประตูคันนี้เป็นเครื่องยนต์บล็อค D-Series ที่ถูกโมดิฟายจากสำนัก Garage Jackpot หรือพี่แจ็ค สวนสยาม โดยสเต็ปการโมดิฟายเริ่มจากทำการเปลี่ยนแคมชาร์พที่สั่ง Custom Stage X ขึ้นมาใหม่พร้อมกับ สปริงวาล์วและรีเทนเนอร์ Supertech ที่สั่ง Custom ใหม่เช่นกัน ในส่วนของท่อนล่างได้ทำการขยายความจุเป็น 1,700 cc. พร้อมด้วยกับการเปลี่ยนลูกสูบเป็นของ JE Piston จับคู่มากับก้านสูบ R&R ส่วนปลอกลูกสูบได้เปลี่ยนไปใช้ปลอกลูกสูบแบบ Wet Sleeves ของทาง NRB Performance เพื่อรองรับการใช้น้ำมันซิ่งสูตรพิเศษที่ทาง Injector Shop เป็นคนผสมขึ้นมาเอง ในส่วนของระบบน้ำมันทำการเปลี่ยนปั๊มติ๊กเป็นของ Weldon ที่ดูดน้ำมันในถังเซฟตี้ ก่อนที่จะส่งผ่านรางหัวฉีด Pro CNC และฉีดเข้าเครื่องด้วยหัวฉีด Billet Injector ขนาด 1,700 cc. 4 หัวตามสูตรของทาง Injector Shop ก่อนที่จะผสมกับอากาศที่ดูดผ่านลิ้นปีกผีเสื้อของ Skunk2 70 mm. และ ท่อไอดีของ Edelblock จากนั้นจุดระเบิดด้วยหัวเทียนจาก NGK Racing ที่เพิ่มความแรงด้วยคอลย์ MSD ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกควบคุมด้วยกล่อง ECU ของทาง Adaptronic ก่อนจะส่งกำลังผ่านไปยังเกียร์ที่ถูกเรียงอัตราทดมาใหม่เพื่อการแข่งขันโดยเฉพาะ ส่วนหน้าที่ของการจับแรงม้าลงพื้น เป็นหน้าที่ของคลัทช์ Competition แบบ 1 แผ่น เพียงเท่านี้ก็สามารถปั่นแรงม้าออกมาได้มากถึง 405 ตัว และมีทอร์คมากถึง 415.85 เลยทีเดียว
โช๊คอัพ Cusco ที่เซ็ทอัพเพื่อการแข่งขัน Drag โดยเฉพาะ
ล้อหน้าเป็น Ce28 ที่ขับคู่มากับยาง Toyo R1R
ล้อหลังเป็น Weld Racing ที่จับคู่มากับยาง Hoosier
ปิดท้ายกับในส่วนของช่วงล่างกันบ้าง โดยเจ้าสามประตูคันนี้ ได้เลือกใช้โช็คอัพของทาง Cusco ที่ถูกปรับเซ็ทมาเพื่อการแข่งขัน Drag โดยเฉพาะ ในส่วนของล้อหน้าเป็นล้อลายยอดฮิตอย่าง Volk CE28 ที่รัดมาด้วยยาง Toyo R1R ส่วนยางหลังเป็นล้อเดฟของทาง Weld Racing ที่จับคู่มากับยาง Hoosier เพียงเท่านี้ก็สามารถลงแข่งได้อย่างไม่มีปัญหาแล้วหล่ะครับ
พี่กิต Injector Shop เจ้าของรถคันนี้
สำหรับเวลาควอเตอร์ไมล์ที่เจ้าคันนี้สามารถทำได้ดีที่สุด ก็คงจะอยู่ที่งาน Drag Star 2018 ที่พึ่งคว้าแชมป์ในรุ่น 1,500 cc. N/A โดยสามารถทำเวลา 402 เมตรไว้ที่ 11.9 วินาที แต่ต้องบอกก่อนว่าเวลาในครั้งนั้นเป็นการวิ่งด้วยแรงม้าเพียง 307 แรงม้าและมี ทอร์คเพียง 330 n.m. เท่านั้น ซึ่งเราก็ต้องมาลุ้นว่าด้วยแรงม้าที่มากถึง 405 ตัวนี้ เจ้า 3 ประตูคันนี้จะสามารถทำเวลาควอเตอร์ไมล์ไว้ที่เท่าไร และไม่แน่ว่าอาจจะสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับวงการ Drag Honda บ้านเราอีกก็เป็นได้ ส่วนในครั้งหน้า จะมีรถแต่ง รถแข่ง คันไหนมาให้ชมกันอีก ก็ต้องติดตามกันนะครับ วันนี้คงต้องลากันไปก่อน พบกันใหม่ครั้งหน้า สวัสดีครับ
Tech Spec
ภายนอก
ภายใน
เครื่องยนต์
ช่วงล่าง
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook