นี่แหละ หน้าตาของตัวแข่งแชมป์รุ่นเชพโรเล็ต
คอลัมน์ RacingMagazine คราวนี้เป็นรถกระบะส่งตรงจากสนามแดร็ครายการ Diesel War 2018 มาให้ชมกัน ซึ่งเป็นตัวแข่งที่สุดมากๆจากอู่หนึ่งโชคทวี เมื่อดูโหวงเฮ้งในสนาม ทั้งการเบิร์นยาง การออกตัว และการวิ่งต่อเกียร์แล้ว เห็นชัดเลยว่าทำมาเต็ม เข้มจัดหนักจริงๆ ทีมงาน BoxzaRacing จึงต้องขอเข้ามาเปิดกระโปรงดูสูตรการแต่งสักหน่อย โดยวันนี้จะได้รุ้กันว่า อะไรที่ทำให้รถขนของกลายเป็นรถแข่งได้จริงแบบนี้
แก้มคาร์บอน กระจกโพลีคาร์บอนเนต
สเต็บไล่เบามีมาถึงฝาท้ายอะลูมิเนียม
ตัวถังมาในสไตล์แพนด้า สีตัวถังขาวสะอาด ตัดกับสีของคาร์บอนไฟเบอร์ วัสดุเบาขั้นเทพที่อยู่ในส่วนของฝากระโปรงหน้าของ Monza บังโคลนจาก Akana และประตูก็เช่นกัน เพื่อให้สมดุลย์ด้านหน้าเบาขึ้นใกล้เคียงกับด้านหลัง ส่วนกระจกก็ทำจากโพลีคาร์บอนเนต เพื่อความเบาไปอีกขั้น แน่นอนว่ารถแดร็คแบบนี้ก็ถอดกระจกมองข้างออก เพราะไม่จำเป็น ส่วนฝาท้ายเปลี่ยนจากเหล็กเป็นอะลูมิเนียม ทั้งช่วยลดน้ำหนัก และเป็นสนิมยากขึ้น โดยรวมแล้วเป็นสเต็ปการไล่เบาอย่างสมดุลแบบรถแข่งจริง
งานเปลือยรอบคันใส่เบาะซิ่งของ Kirkey
เด่นสุดที่พวงมาลัย Vertex สีแดงเดือด
พอแง้มดูภายในก็มาตรงตามสูตรรถแข่ง กับการไล่เบาโดยเปลือยโล่งทุกชิ้นส่วน แม้กระทั่งคอนโซลและเรือนไมล์ทั้งหมดด้วย โดยเปลี่ยนมาใส่เกจวัด Defi จำนวน 6 ตัว คู่กับวัดบูสต์ของ Auto Meter คนขับได้นั่งเบาะซิ่งของ Kirkey แล้วคุมรถให้ตรงด้วยพวงมาลัย Vertex สีแดงเดือด เรียกว่ามีเท่าที่จำเป็น งานเปลือยน้อยชิ้น ที่ให้ความดิบแบบมีสไตล์ สวยงามด้วยตัวฟังก์ชั่นของมันเองที่ใช้งานได้จริง
เครื่องดีเซลสูตร 2,500/2,800 อัดเทอร์โบปาก 46 มม.
ดูดอากาศเย็นจัด หนาแน่นจริง ก่อนเข้าเครื่อง
สูตรแต่งด้วยคลัตช์ BK clutch จับม้าลงพื้นเป็นมั่นเหมาะ
อู่หนึ่งโชคทวียินดีเปิดฝากระโปรงให้เราดูสูตรลับ กับเครื่องดีเซลของเชพโรเล็ต สูตร 2,500/2,800 ที่ช่างจูนรู้กันดี ที่อัดเทอร์โบลูกโตขนาดปากถึง 46 มม.เป๊ะๆตามกฎการแข่งกำหนด ให้บูสต์ผ่านน้ำจากอินเตอร์คูลเลอร์ด้วย ส่วนการโมดิฟายเริ่มตั้งแต่ไส้ในใหม่หมดทั้ง ฝาสูบ ลูกสูบ ก้านสูบ ข้อเหวี่ยง แคมชาร์ฟ สปริงวาล์ว เป็นงานสร้างจากอู่หนึ่งโชคทวีทั้งหมด ด้วยความรู้และฝืมือด้านช่างเต็มที่ จึงทำไส้ที่เดียวจบ ทางด้านระบบน้ำมันเริ่มต้นจากถังน้ำมันเซฟตี้ทำจากอะลูมิเนียม ปั๊มขึ้นมาด้วย Bosch 044 ผ่านเรกูเลเตอร์คุมแรงดันของยี่ห้อ Aeromotive พุ่งไปสู่ปั๊มคอมม่อนเรลเกรดโหดจาก Hino พ่นออกด้วยหัวฉีด Bosch 901 แล้วควบคุมการทำงานด้วยกล่อง IFRIT ที่ผ่านการรีแมปจากทีมงาน TunePro จากนั้นเดินชุดไฟจุดระเบิดจาก D-Max ใหม่หมด และที่ขาดไม่ได้ ไม่งั้นเพลาจะขาด นั่นคือคลัตช์ซิ่งจาก BK ที่อู่หนึ่งโชคทวีเลือกใช้ตัดต่อกำลังลงเกียร์ธรรมดา ยืนยันแล้วว่าจับแรงม้าลงเกียร์ได้เหนียวจริง ไปที่เฟืองท้ายเต็ดจาก MU-7 ที่มีอัตราทด 3.1 ไปยังเพลาท้าย D-Max ให้วิ่งถวายชีวิต
ล้อแม็กซ์หลัง Weld กับยางสลิค Hoosier
ยางแดร็ค แม็กซ์แท้ และเบรค Strange
ช่วงล่างจัดหนักให้รองรับกำลังแรงสุดเดือด เริ่มด้วยสูตรค้ำตัวถังของ Iron bar เสริมด้านล่างกับคาน A-arm ของ MSR ที่รัดเพลาหลังช่วยให้เพลาไม่เต้น จะได้ออกตัวตรงเผง ส่วนเรื่องรับภาระการกระแทกของสปริงและแหนบ ทำโดยโช๊คอัพ Ohlin แล้วใส่ล้อแม็กซ์หน้า Billet กับล้อหลัง Weld หุ้มด้วยยางสลิคซึ่งแน่นอนว่าเป็นของยี่ห้อ Hoosier พอวิ่งสุดแทรกก็หยุดด้วยเบรคชุดใหญ่ของ Strange แบบดิสก์เบรคทั้ง 4 ล้อ
หนึ่ง โชคทวี กับของแต่งดีๆ ไปได้สวยทุกสนามแน่นอน
ด้วยฝืมืออู่หนึ่งโชคทวี บวกกับของแต่งที่คัดสรรมาแล้ว ผสมสูตรจูนจากประสบการณ์แข่งหลายรายการ ทำให้วงการกระบะดีเซลแดร็ค จะต้องมีชื่อของอู่นี้จารึกไว้อีกราย ก็ขอขอบคุณทางอู่ด้วยที่เปิดเคล็ดลับให้เราได้ชมกัน แล้วตอนต่อไปเราก็จะหารถแรงๆมาให้ชมกันอีก พบกันใหม่กับคอลัมน์ RacingMagazine คราวหน้า สวัสดีครับ
Tech Spec
ภายนอก
ภายใน
เครื่องยนต์
ช่วงล่าง
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook