เขียนโดย: Pajingo

เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2558 - 18:39

Toyota Corolla Altis กับที่สุดแห่งบทพิสูจน์ความทรหดบนสังเวียน Nurburgring

 

Toyota Corolla Altis กับที่สุดแห่งบทพิสูจน์ความทรหดบนสังเวียน Nurburgring

 

 

          Toyota Corolla Altis ยนตรกรรมซีดานที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นรถที่ขายดีเป็นอันดับต้นๆ ด้วยปัจจัยเรื่องของเครื่องยนต์กลไกที่ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ส่งผลให้ตัวรถมีความทนทาน รองรับการใช้งานอันหนักหน่วงได้แบบไม่ต้องกังวลว่าเครื่องยนต์จะลาโลกไปก่อนวัยอันควร แน่นอนว่า...หลายคนรู้ซึ้งถึงคุณสมบัติข้อนี้ของ Corolla Altis เป็นอย่างดี แต่จะมีใครสักกี่คนที่ล่วงรู้ ว่าในอีกหนึ่งมุมของซีดานยอดนิยมผู้นี้ ยังมีสมรรถนะที่โดดเด่นและแข็งแกร่งเพียงพอที่จะตอบรับคำท้าสุดหฤโหดกับการแข่งขันในเวทีระดับโลกอย่างรายการ ADAC Zurich 24 h. Rennen Nurburgringสนามนูเบิร์กริง ประเทศเยอรมนี ที่เพิ่งผ่านพ้นไปแบบสดๆ ร้อนๆ

 

นักแข่งสังกัด Toyota Team Thailand

 

                นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งเมื่อทางโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ต่อสายตรงถึง BoxzaRacing เพื่อเชิญร่วมสังเกตการณ์การแข่งขัน ADAC Zurich 24 h. Rennen Nurburgring แบบติดขอบสนามนูเบิร์กริง ซึ่งการเดินทางเริ่มต้นขึ้นในช่วงค่ำของวันที่ 14 พฤษภาคม 2558 โดยสายการบินไทยเที่ยวบินที่ TG920 ดิ่งตรงสู่สนามบินแฟรงค์เฟิร์ตประเทศเยอรมนี โดยใช้ระยะเวลาในการบินราว 12 ชม. แม้ว่าจะดูนาน แต่ด้วยความสะดวกสบายของชั้นธุรกิจบนนกซูเปอร์ยักษ์ Airbus A380 ทำให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เมื่อเดินทางถึงต่างแดน ทีมงานก็พร้อมจะทำหน้าที่ต่อในทันที โดยหลังจากรับประทานอาหารเช้า ณ กรุงแฟรงค์เฟิร์ตเป็นที่เรียบร้อย ชาวคณะก็มุ่งหน้าสู่สนามนูเบิร์กริงในทันที ใช้เวลาเดินทางด้วยรถบัสประมาณ 2 ชม. ทันทีที่มาถึงก็มีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นคอยให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น จนกระทั่งเดินทางเข้าสู่พิทของทีมแข่ง Toyota Team Thailand เราก็ได้พบกับนักแข่งทั้ง 8 ชีวิต นำทีมโดย “คุณอาร์โต้” สุทธิพงศ์ สมิตชาติ พร้อมกับพูดคุยรายละเอียดในส่วนต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องของการวางแผนในช่วงของการแข่งขันและการเตรียมตัวก่อนที่การแข่งขันสุดหฤโหดจะเริ่มขึ้นในช่วงเย็นของวันถัดไป

 

รถแข่ง Toyota Corolla Altis Nurburgring Edition
 

          งานนี้ทาง Toyota Team Thailand ส่งรถเข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น 2 คัน โดย Toyota Corolla Altis เป็นหนึ่งเดียวของรถสัญชาติญี่ปุ่นในคลาส SP3 ซึ่งอันที่จริงแล้วเป็นคลาสที่อนุญาตให้โมดิฟายตามแบบฉบับของรถแข่งได้ และจำกัดขนาดเครื่องยนต์ไว้ที่ 2.0 ลิตร รถคันแรกมาในหมายเลข 149 มาพร้อมเครื่องยนต์ 3S-GE ที่โมดิฟายมาเพื่อการแข่งขันสุดหฤโหดครั้งนี้โดยเฉพาะ ด้วยเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าต้องทำได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา (มากกว่า 99 รอบสนาม) ส่วนอีกคันเป็นรถหมายเลข 155 ที่มาในรูปแบบเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร และระบบส่งกำลังแบบสแตนดาร์ดจากโรงงานเพื่อเป็นการวัดสมรรถนะที่แท้จริงของตัวรถ Toyota Corolla Altis สิ่งที่ทำเพิ่มมีเพียงการปรับแต่งช่วงล่างและระบบความปลอดภัยให้ผ่านการรับรองจาก FIA เพียงเท่านั้น

 

ขุมพลัง 3S-GE โมดิฟายแบบเน้นเหนียว
 
 
ทีมงานและนักแข่งเตรียมพร้อมก่อนออกสตาร์ท

 

 

 

 

          รายการ ADAC Zurich 24 H. Rennen Nurburgring เป็นการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบต่อเนื่อง 24 ชม. โดยใช้รถที่มีจำหน่ายจริงในท้องตลาด (Production Car) และนับเป็นการแข่งขันรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ติด 1 ใน 3 ของโลก มีตัวแรงเข้าร่วมลงชิงชัยร่วมๆ 200 คัน ออกสตาร์ท 16.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยจะเริ่มตั้งแต่ในรุ่นใหญ่ที่เต็มไปด้วยบรรดาตัวแข่ง GT3 จากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็น Audi, BMW, Porsche, Bentley, Lexus, Nissan หรือแม้แต่ Aston Martin หลังจากที่การแข่งขันเปิดฉากขึ้น แต่ละทีมก็ชิงความได้เปรียบด้วยกลยุทธิ์ต่างๆ ซึ่งความสำคัญอยู่ที่การไม่เค้นสมรรถนะของรถมากจนเกินไป เนื่องจากเป็นการแข่งขันที่ใช้เวลานาน ดังนั้นจึงต้องรักษาความสดของตัวรถและผู้แข่งขันให้ได้ยาวนานที่สุด อีกทั้งยังต้องวางแผนในการเข้าพิทเพื่อเปลี่ยนยาง เติมเชื้อเพลิง และเปลี่ยนตัวนักขับอย่างเหมาะสม ซึ่งสำหรับทีมของรถหมายเลข 149 ออกสตาร์ทโดยมี ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ เป็นผู้ขับ และจะเปลี่ยนตัวและเติมเชื้อเพลิงประมาณทุกๆ 2 ชม. ครึ่ง (ถังน้ำมันได้รับการขยับความจุเป็น 100 ลิตร) ของหมายเลข 155 จะเติมเชื้อเพลิงทุกๆ 1 ชม. (ถังน้ำมันสแตนดาร์ด) หลังจากเริ่มการแข่งขันไปประมาณ 4-5 ชม. ท้องฟ้าที่ประเทศเยอรมนีก็เริ่มอับแสง และต้องใช้แสงไฟที่ส่องจากตัวรถเป็นเครื่องนำทางแทน เวลานี้น่าจะเป็นช่วงของการแข่งขันที่ลุ้นระทึกและอันตรายที่สุด เพราะยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ก็ยิ่งอาจจะส่งให้สมาธิของนักแข่ง ลดลงไปเท่านั้น ส่งผลให้รถหลายคันต้องออกจากการแข่งขันด้วยอุบัติเหตุ หรือแม้แต่เครื่องพังก่อนเวลาอันควร แต่สำหรับรถ Toyota Corolla Altis ของ Toyota Team Thailand ยังคงยืนหยัดต่อสู้จนผ่านธงตรงหมากรุกได้อย่างน่าภาคภูมิใจ แม้ว่าหมายเลข 149 จะมีปัญหาที่ระบบส่งกำลัง จนต้องยกเกียร์ลูกใหม่และเสียเวลาไปกว่า 1 ชม. แต่ก็สามารถกลับมาแข่งต่อและจบการแข่งขัน 24 ชม. ในอันดับรวมที่ 82 (อันดับ 6 ในรุ่น SP3) ด้วยจำนวนรอบ 111 รอบสนาม หรือกว่า 2,870 กม. ส่วนหมายเลข 155 จบการแข่งขันในอันดับรวมที่ 87 (อันดับ 7 ในรุ่น SP3) โดยวิ่งได้ 109 รอบ รวมระยะทางกว่า 2,820 กม. ซึ่งต้องยอมรับว่า Toyota Team Thailand ทำผลงานได้อย่างน่าชื่มชม ที่สามารถผ่านการแข่งขันสุดหฤโหดตลอด 24 ชม. ณ สนามแข่ง Nurburgring ที่ได้รับการกล่าวขานว่ายากและอันตรายที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

 

ทีมงานลุ้นกันจนนั่งไม่ติดเลยทีเดียว

 

นักแข่งไทยได้เฮ หลังจบการแข่งขัน
 
 
คุณอาร์โต้ ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติ หลังเสร็จสิ้นการแข่งขัน
 
 
"พี่วัว" กับกำลังใจสำคัญในทุกการแข่งขัน

 

          นับเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ถึงความแกร่งของซีดานระดับมหาชนอย่าง Toyota Corolla Altis ที่ไม่ได้เจ๋งแค่การใช้งานทั่วๆ ไป แต่ยังฉายแววในเวทีการแข่งขันระดับโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ เช่นเดียวกับนักแข่งจาก Toyota Team Thailand ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ซึ่งทุกท่านสามารถติดตามเบื้องหลังความสำเร็จของทีมแข่ง Toyota Team Thailand ในการแข่งขันรายการ ADAC Zurich 24 H. Rennen Nurburgring ได้ทาง BoxzaRacing ในเร็วๆ นี้

 

ขอขอบคุณ

-Toyota Motor Thailand ผู้สนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้

-DJ. พี่ฉ่าง “อาคม รวมสุวรรณ” สำหรับภาพสวยๆ

-สมาคมแม่บ้าน Toyota Team Thailand สำหรับอาหารไทยพร้อมเสริฟตลอดทริป

 

 

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook