Nissan Leaf นั้น ได้ทำการตลาดมาตั้งแต่ปี 2010 จนถึงปัจจุบัน ได้กลายเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ที่ขายดีจนเบอร์ต้นๆของโลกไปแล้ว ซึ่งมียอดสะสมทั่วโลกที่มากถึง 430,000 คัน ล่าสุดทาง Nissan ได้เผยภาพ Nissan Leaf e + รุ่นพิเศษ ที่ได้ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าคู่กำลังสูง ที่ควบคุมแบบออลวีล โดยสามารถรีดแรงม้าออกมาได้มากถึง 304 แรงม้า มาพร้อมกับแรงบิดที่มากถึง 680 นิวตัน-เมตร
Nissan Leaf e + รุ่นพิเศษ ที่นำมาทดสอบครั้งนี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงในขนาดรูปร่างเล็กน้อยต่างจากรุ่นมาตรฐาน โดยมีมิติตัวถึงความยาวอยู่ที่ 4,480 มม. ความกว้าง 1,830 มม. และมีสูง 1,540 มม. ซึ่งจะเห็นได้ว่า Nissan Leaf e + รุ่นพิเศษ มีความสั้นที่ลง 10 มม. อีกทั้งยังกว้างขึ้น 42 มม. และสูงขึ้น 10 มม. เมื่อเทียบกับรถมาตรฐาน แต่ในส่วนฐ่านล้อนั้นยังคงเหมือนเดิมที่ 2,700 มม. ส่วนขนาดของล้อ และยางนั้น มากับล้อขนาด 17 นิ้ว ส่วนยางจะเป็นขนาด 215/55R17 ที่ด้านหน้า และขนาด 235/50R17 ที่ด้านหลัง
ส่วนภายในของ Nissan Leaf e + รุ่นพิเศษ ติดตั้งจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้ว อยู่ตรงกลางของแผงหน้าปัดที่จะรายงานข้อมูลแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับเทคโนโลยีการควบคุมยานพาหนะ ผ่านกราฟิกที่สวยงาม ด้วยจอแสดงผล ที่ทำให้ผู้ขับเข้าใจได้ง่ายมากขึ้น
ส่วนพลังกำลังของ Nissan Leaf e + รุ่นพิเศษ ได้ถูกเสริมชุดระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ โดยได้ติดตั้ง มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ซึ่งติดตั้งอยุ่บนเพลาขับหน้า และบนเพลาขับหลัง อีกทั้งยังผสานกับเทคโนโลยีการควบคุมแชสซีของ Nissan พร้อมกับถูกเสริมด้วยระบบควบคุมมอเตอร์ที่มีความแม่นยำสูงเป็นพิเศษ ที่มาจากเทคโนโลยีด้านรถยนต์ไฟฟ้าขั้นสูงของ Nissan จึงทำให้ Nissan Leaf e + รุ่นพิเศษ มีการตอบสนองอย่างรวดเร็ว และมาพร้อมกับความนุ่มนวลในการเข้าโค้ง จึงส่งผลให้สามารถส่งกำลังไปยังล้อใดล้อหนึ่งได้อย่างอิสระทั้ง 4 ล้อ จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยทำให้สามารถรีดแรงม้าลงพื้นได้มากถึง 304 ตัว โดยมาพร้อมกับแรงบิดที่มากถึง 680 นิวตัน-เมตร ส่วนความเร็วทาง Nissan ยังไม่มีการแจ้งออกมาว่า Nissan Leaf e + รุ่นพิเศษ จะจี๊ดจ๊าดขนาดไหน
ส่วนระบบควบคุมการเบรกนั้นใช้การควบคุมเบรกแบบอิสระที่แต่ละล้อทั้งสี่ เพื่อเพิ่มแรงในการเข้าโค้งที่เกิดจากยางแต่ละล้อ ซึ่งจะช่วยให้เพลิดเพลินไปกับการเข้าโค้งที่เป็นไปตามที่คิดไว้ ด้วยการบังคับเลี้ยวจากพวงมาลัยให้น้อยที่สุด
พร้อมกันนี้ทาง มร.ทาคาโอะ อาซามิ รองประธานอาวุโสฝ่ายวิจัยและวิศวกรรมขั้นสูงของนิสสัน ได้กล่าวไว้ว่า "เทคโนโลยีขับเคลื่อนและควบคุมล้อทั้งสี่จะได้รับการพัฒนาโดยรวบรวมระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า และเทคโนโลยีการควบคุมแบบ 4WD เข้ากับเทคโนโลยีการควบคุมแชสซีของนิสสันเพื่อให้เกิดความแตกต่างของอัตราเร่ง เข้าโค้ง รวมถึงชะลอความเร็ว เทียบเท่ากับรถสปอร์ต
