โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส ได้เปิดตัวรถยนต์คอลเลกชันพิเศษล่าสุด Rolls-Royce Wraith Eagle VIII (เรธ อีเกิล 8) ณ งาน Concorso d’Eleganza Villa d’Este 2019 ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 24-26 พฤษภาคมที่ผ่านมา ริมทะเลสาบโคโม ประเทศอิตาลี ทีม Bespoke Collective ของโรลส์-รอยซ์ ได้สรรสร้างเรธ อีเกิล 8 ให้เป็นยนตรกรรมที่สืบสานและถ่ายทอดเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของเหตุการณ์ควรค่าแก่การจารึกที่สุดในศตวรรษที่ 20
Rolls-Royce Wraith Eagle VIII ได้ถ่ายทอดจากตำนานของ กัปตันจอห์น อัลค็อก (Captain John Alcock) และร้อยโทอาร์เธอร์ บราวน์ (Lieutenant Arthur Brown) ปฏิบัติภารกิจเหินเวหาบนน่านฟ้าที่ยังไม่เคยมีใครได้สำรวจมาก่อนคือการบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกแบบไม่หยุดพักได้สำเร็จเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2462 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับเซอร์เฮนรี รอยซ์ กัปตันอัลค็อกและร้อยโทบราวน์บินต่อเนื่องจากเซนต์จอห์นส์ นิวฟาวด์แลนด์ ไปถึงคลิฟเดน ไอร์แลนด์ ด้วยอากาศยานดัดแปลงจาก Vickers Vimy ซึ่งถูกใช้ทิ้งระเบิดระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เครื่องบินปีกคู่ถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ อีเกิล 8 ทวิน 20.3 ลิตร 350 bhp ซึ่งยานยนต์ในคอลเลกชันล่าสุดได้ถูกตั้งชื่อตามชื่อของเครื่องยนต์อันทรงพลังนี้เอง โรลส์-รอยซ์เฉลิมฉลองวาระครบรอบ 100 ปีแห่งเกียรติภูมินี้ ด้วยคอลเลกชันอันร่วมสมัยที่สามารถเข้าถึงนักผจญภัยในยุคปัจจุบันโดยในขณะเดียวกันก็แสดงออกถึงการให้เกียรติและระลึกถึงเหล่าบุคคลผู้เปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์
มร. ทอร์สตัน มูเลอร์-ออทเวิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส กล่าวว่า "เรธ อีเกิล 8 เป็นการแสดงความเคารพต่อวีรชน และเป็นตัวละครเอกของเหล่าผู้มีวิสัยทัศน์ในปัจจุบันคอลเลกชันล่าสุดของโรลส์-รอยซ์นี้แสดงให้ประจักษ์ถึงความชำนาญอันเหนือชั้นของทีม Bespoke Collective ของเราที่ Home of Rolls-Royce ในกู๊ดวูด เวสต์ ซัสเซกซ์ ยนตรกรรมสั่งผลิตพิเศษหรือ Bespoke ยังคงเป็นเพชรยอดมงกุฎของแบรนด์ ซึ่งรังสรรค์สินค้าลักซ์ชัวรีที่สวนกระแสของแมสลักซ์ชัวรีทั่วไปที่ไม่สามารถตอบความต้องการของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ"
ภายนอกยนตรกรรม Rolls-Royce Wraith Eagle VIII เป็นการรำลึกถึงการผจญราตรีของกัปตันอัลค็อกและร้อยโทบราวน์ สีกันเมทัลตัดด้วยสีเซลบี เกรย์ (Selby Grey) ซึ่งโทนสีเหล่านี้ถูกแบ่งส่วนโดยเส้นสายทองเหลือง สื่อนัยยะถึงรายละเอียดที่อยู่ด้านใน กระจังสีดำด้านหน้าได้รับอิทธิพลอย่างแจ่มชัดจากเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ อีเกิล 8 ที่ถูกติดตั้งอยู่บนเครื่องบินทิ้งระเบิด Vickers Vimy ส่วนของล้อรถยนต์ถูกเคลือบเงาเป็นบางส่วนด้วยโทนสีเทาเข้ม
ภายในได้รับการตกแต่งที่มอบความบรรจงสะท้อนเฉดสีภายนอก หนังสีเซลบี เกรย์ (Selby Grey) และสีดำถูกแต่งขอบด้วยทองเหลือง สื่อถึงกลิ่นอายของเครื่องวัดระยะทางหาเส้นรุ้งและเส้นแวงทองเหลืองซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกในครั้งนั้น ภายใต้การออกแบบที่ร่วมสมัย วัสดุทองเหลืองถูกใช้ในบริเวณสำคัญทั่วทั้งส่วนที่นั่งคนขับ ลำโพงหุ้มทองเหลืองแสดงระยะทางโดยประมาณกว่า 1,880 ไมล์ของไฟล์ทบินในตำนาน นอกจากนั้นโมโนแกรม ‘RR’ ยังถูกตกแต่งด้วยด้ายสีทองเหลืองบนที่วางแขนความสว่างไสวของทองเหลืองช่วยเติมเต็มช่องใส่ของบริเวณประตู ในขณะที่ประตูด้านคนขับถูกตกแต่งด้วยแผ่นเหล็กสลักถ้อยแถลงของเชอร์ชิลต่อความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของนักบินทั้งสอง
แผงหน้าปัดด้านหน้ารถเปรียบดังวิวทิวทัศน์ซึ่งนักบินทั้งสองได้มีโอกาสชื่นชมในท้ายที่สุดเมื่ออากาศยานของพวกเขาบินฝ่าหมู่เมฆหมอกหนาออกมาได้ ด้วยเทคนิคและวิธีการที่ร่วมสมัยผสมผสานกับขนบแบบดั้งเดิม ไม้ยูคาลิปตัสรมควันผ่านการชุบสุญญากาศเป็นสีทองก่อนจะถูกนำไปเลี่ยมกับเงินและทองแดง เพื่อถ่ายทอดรายละเอียดอันสวยงามของภาพพื้นผิวโลกยามค่ำคืนเมื่อมองจากเบื้องบน การตกแต่งนี้ทอดยาวไปจนถึงคอนโซลกลางมอบประสบการณ์ทางอารมณ์อันน่าดื่มด่ำให้แก่ผู้ครอบครองยานยนต์ ส่วนที่นั่งคนขับมีความสอดคล้องกับเพดานรถ ทางด้านล่างส่วนข้างของกลางตัวรถบุและเย็บด้วยด้ายทองเหลือง สื่อถึงเครื่องบิน Vickers Vimy เครื่องยนต์ V12 ได้อย่างชัดเจน
นาฬิกาในยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์มักถูกเปรียบเป็นเครื่องประดับอันมีค่าชิ้นหนึ่ง และสามารถบอกเล่าเรื่องราวยานยนต์ของพวกเขา Rolls-Royce Wraith Eagle VIII ก็เช่นกัน แผนก Bespoke Collective ของโรลส์-รอยซ์ได้ประกอบตัวนาฬิกาเข้ากับพื้นผิวที่ตกแต่งลูกเล่นเป็นน้ำแข็งอย่างอัจฉริยะแสงสีเขียวเรืองรองส่องสว่างเมื่อขับขี่ในยามกลางคืนเข็มชั่วโมงสีแดงราวเข็มของเข็มทิศได้แรงบันดาลใจมาจากลวดลายเส้นสายบนแผงหน้าปัดนาฬิกา ในขณะที่พิกัดสถานที่ลงจอดอากาศยานถูกสลักไว้ด้านล่าง ที่สะท้อนถึงช่วงเวลาที่แผงหน้าปัดอุปกรณ์ของผู้บุกเบิกแทบกลายเป็นน้ำแข็งเนื่องจากระดับความสูงและสภาพอากาศอันย่ำแย่ แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนั้นมาจากแสงสีเขียวของแผงควบคุมและประกายไฟจากเครื่องยนต์กาบขวาของตัวเครื่องบิน
เพดานห้องโดยสารที่สวยงามด้วยแสงดาว Starlight Headliner เส้นใยนำแสงไฟเบอร์ 1,183 จุดแสดงถึงตำแหน่งของดวงดาวบนฟากฟ้าในช่วงเวลาของไฟล์ทบินในปี 2462 เส้นทางบินและหมู่ดาวต่างๆ ถูกถักร้อยด้วยเส้นด้ายทองเหลือง โดยเรื่องราวของที่นักบินทั้งสองบินฝ่าหมูเมฆเพื่อใช้ดวงดาวนำทางถูกบอกเล่าผ่านเส้นใยนำแสงไฟเบอร์สีแดง ส่วนประกอบอย่างก้อนเมฆถูกตกแต่งลวดลาย นอกจากนั้นยังมีแผ่นเหล็กที่มีข้อความ "The celestial arrangement at the halfway point 00:17am June 15th 1919, 50" 07’ Latitude North - 31" Longitude West" เพื่อแสดงจุดครึ่งทางของการเดินทางครั้งประวัติศาสตร์นี้
ด้วยความตระหนักถึงความนิยมชมชอบของประชาชนชาวไทยต่อหัตถศิลป์อันวิจิตรประณีตยนตรกรรม Rolls-Royce Wraith Eagle VIII จะเปิดให้ลูกค้าในประเทศไทยผู้มีความหลงไหลในความหรูหราและมีสายตาอันเฉียบคมได้ครอบครอง จำนวน 1 คัน จากจำนวนจำกัดเพื่อการสะสมทั้งหมดเพียง 50คันทั่วโลก และเฉกเช่นเดียวกับยานยนต์เรธ อีเกิล 8 ทุกคัน ยนตรกรรมคันดังกล่าวจะถูกประกอบขึ้นด้วยมือ ณ Home of Rolls-Royce ในกู๊ดวูด เวสต์ ซัสเซกซ์ ศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศในการผลิตยนตรกรรมลักซ์ชัวรีระดับโลก
คุณสุนทรพันธ์ เดชะเทศ ผู้จัดการทั่วไป โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก มีความยินดีที่ประเทศไทยได้ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในตลาดที่ได้จำหน่ายยนตรกรรมคันดังกล่าว "วัฒนธรรมไทยนั้นให้ความสำคัญกับทักษะทางหัตถศิลป์มาโดยตลอด และลูกค้าของเราก็มีความชื่นชอบงานฝีมือที่สวยงามและการสั่งผลิตพิเศษตามรสนิยมเฉพาะบุคคล เรธ อีเกิล 8 จึงเป็นดังการเฉลิมฉลองให้กับศิลปะของการสั่งผลิตพิเศษและจะกลายเป็นดาวเด่นของคอลเลคชันพิเศษทั้งหมดอย่างแน่นอน"