ดร.ถานันดร์ วัชโรทยางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟอร์ซ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2562 กรมธุรกิจพลังงาน ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดลักษณะ และคุณภาพของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเป็น 2 ประเภท 1.น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 2. น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 โดยน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ในประเภท 1 ให้มีส่วนผสมของไบโอดีเซล 100 อยู่ร้อยละ 6.6 – 7 ซึ่งหมายความว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ในปัจจุบัน คือ น้ำมันไบโอดีเซล B7 นั่นเอง โดยน้ำมันไบโอดีเซล B7 เป็นระบบเอสเตอร์ แต่น้ำมันไบโอดีเซล B20 ใช้เทคโนโลยีใหม่ H-Fame ทำให้มีสัดส่วนของไบโอดีเซลได้มากขึ้นถึงร้อยละ 20 แต่ยังคงมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดเช่นเดียวกับน้ำมันไบโอดีเซล B7 ล่าสุดค่ายรถทั้ง Toyota และ Isuzu ได้ประกาศว่า รถที่ผลิตหลังปี 2012 สามารถใช้ B20 ได้
ข้อดีของน้ำมันไบโอดีเซลในเชิงเศรษฐศาสตร์ก็คือ ราคาถูก ช่วยพยุงราคาพืชผลทางการเกษตรของไทย ลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ ช่วยด้านสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตก็คือ ช่วยลดมลพิษในอากาศ ฝุ่น PM 2.5 ทำให้ลดการสูญเสียจากการรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับมลพิษจากอากาศ เป็นต้น
น้ำมันไบโอดีเซล B7, B20 มีคุณสมบัติ
ผลกระทบ ของไบโอดีเซล B7,B20
อย่างไรก็ตามจากการศึกษาวิจัยพบว่า แม้จะใช้เทคโนโลยี H-Fame น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 ก็ยังคงมีคราบไขมันปนเปื้อนอยู่ ซึ่งจะมีผลกระทบกับชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ และเกิดปัญหาดังกล่าว
Fortron Biodiesel Plus Treatment ผ่านการวิจัยพัฒนามาจนสามารถรองรับ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 ได้ และจดทรัพย์สินทางปัญญาไว้เรียบร้อยแล้ว จึงเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งเดียวที่สามารถดูแลรถที่ใช้ B20 ได้โดยช่วยขจัดน้ำในถังน้ำมันสลายคราบไขมัน และขจัดเชื้อรา แบคทีเรียที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำมัน
นอกจากดูแลรถที่ใช้ B20 แล้วจากการวิจัยพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน Fortron Biodiesel Plus Treatment ยังสามารถใช้ดูแลรถยนต์ที่ใช้ B100 อีกด้วย และจำหน่ายผ่านศูนย์รถยนต์ชั้นนำกว่า 500 ศูนย์ไปแล้วทั่วประเทศ ดร.ถานันดร์ กล่าวสรุปในตอนท้าย
Fortron (โฟรตรอน) ผลิตภัณฑ์บำรุงรักษารถยนต์ตามระยะทาง มีวางจำหน่ายที่ศูนย์บริการรถยนต์ชั้นนำทั่วไป และศูนย์บำรุงรักษารถยนต์ “แอค” ทุกสาขาทั่วประเทศ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-961-3727 หรือ www.fortron.co.th, www.facebook.com/fortrongroup