เขียนโดย: boytaku boxza

เมื่อ: 29 เมษายน 2562 - 21:13

Mercedes-AMG ขนทัพยนตรกรรมสมรรถนะสูงรุ่นใหม่ 5 รุ่น ให้แฟนๆ ชาวไทยได้เป็นเจ้าของกันแล้ว วันนี้

 

          บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด สร้างสีสันให้กับวงการรถหรูอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการเปิดตัวรถสปอร์ตสมรรถนะสูง 5 รุ่นใหม่ภายใต้แบรนด์ Mercedes-AMG เอาใจคนรักความเร็วและแรงโดยเฉพาะ อาทิ Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé และ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé ที่เปิดตัวครั้งแรกในเอเชียตะวันออก เฉียงใต้, Mercedes-AMG G 63, Mercedes-AMG C 43 4MATIC รุ่นประกอบในประเทศ และ Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศ พร้อมที่จะยกระดับประสบการณ์ ในการขับขี่รถสปอร์ตขึ้นไปอีกขั้น ควบคู่กับการจัดกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น AMG Private Lounge คอมมูนิตี้สำหรับกลุ่มผู้ขับขี่รถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และ AMG Driving Academy จัดขึ้นเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

 

มร. โรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด

 

          มร. โรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า  "สำหรับในประเทศไทย วันนี้ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ กับการเปิดตัวเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี รุ่นใหม่ล่าสุดถึง 5 รุ่น ได้แก่ Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé และ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé, Mercedes-AMG G 63, Mercedes-AMG C 43 4MATIC รุ่นประกอบในประเทศ และ Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศ ซึ่งแต่ละรุ่นมีคาแรกเตอร์และความโดดเด่นที่แตกต่างกันเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม โดยประเทศไทยได้รับความไว้วางใจจากบริษัท เดมเลอร์ เอจี ให้เปิดตัว Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé และ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-DoorCoupé เป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"

 

มร. ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด

 

          มร. ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "นับตั้งแต่การเปิดตัวแบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เมื่อปีพ.ศ. 2560 ที่เราได้แนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ 4 รุ่น อย่าง Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé, Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC, Mercedes-AMG GT R และ Mercedes-AMG GT C Roadster เราได้รับการตอบรับและความเชื่อมั่นจากลูกค้าเป็นอย่างดี และเราได้เดินหน้ารุกตลาดรถยนต์สมรรถนะสูงอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเสนอรถยนต์อีก 6 รุ่น ได้แก่ C 43 4MATIC Coupé LOCAL PRODUCTION, GLC 43 4MATIC Coupé LOCAL PRODUCTION, E 63 S 4MATIC+, C 43 4MATIC Coupé (Facelift) LOCAL PRODUCTION, CLS 53 4MATIC+ และ Mercedes-AMG GT S ในปีพ.ศ. 2561 ซึ่งทำให้ยอดขายเติบโตขึ้นถึง 309% เมื่อเทียบกับปี 2017 โดยในปีนี้ บริษัทฯ ยังคงเน้นนำเสนอรถยนต์ที่ลูกค้าสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ประเดิมด้วยการเปิดตัวรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีไปแล้ว 2 รุ่น คือ Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศ และ Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ Coupé รุ่นนำเข้า โดยยอดขายเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีใน ไตรมาสแรกในปีนี้เติบโตขึ้นกว่า 79% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา"

 

 

          "การเปิดตัวทั้ง 5 รุ่นในวันนี้ จะไม่เพียงแค่สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ให้กับเมอร์เซเดส-เบนซ์ประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นการเติมเต็มพอร์ทโฟลิโอของรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ในประเทศไทย ที่ปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 18 รุ่น ครอบคลุมทั้งตระกูล 43, 45, 53, 63, 63 S และ Mercedes-AMG GT โดยในปีนี้ ทางบริษัทฯ ยังเตรียมมอบเซอร์ไพรส์ให้กับทุกท่าน ด้วยการวางแผนนำเสนอรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีรุ่นใหม่ถึง 5 รุ่นทั้งรุ่นนำเข้าและรุ่นประกอบ ในประเทศ ซึ่งนอกจากรถยนต์รุ่นใหม่แล้ว ทางบริษัทฯ ยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของกิจกรรมสานสัมพันธ์ระหว่างบริษัทและลูกค้าของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีทุกท่าน จึงได้จัดเตรียมกิจกรรมไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น AMG Private Lounge คอมมูนิตี้สำหรับกลุ่มผู้ขับขี่รถยนต์ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีโดยเฉพาะ เพื่อรับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมที่ทางบริษัทฯ จัดขึ้นทั้งในประเทศไทย และกิจกรรมจากค่ายเอเอ็มจีทั่วโลกอีกด้วยด้วย นอกจากนี้ เรายังเตรียมจัด AMG Driving Academy เป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้ผู้ชื่นชอบความเร็วแรงทุกท่านได้สัมผัสรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีอย่างใกล้ชิด ภายใต้คำแนะนำของทีมนักขับมืออาชีพ ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถติดต่อผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีอย่างเป็นทางการทั้ง 13 แห่ง ทั่วประเทศที่พร้อมมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของกลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูงโดยเฉพาะ"

 

Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé และ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé

 

 

         สมาชิกใหม่ของรถยนต์ตระกูล AMG GT ที่พัฒนาขึ้นตามแนวคิด "ชีวิตคือการแข่งขัน - Life is a race" และเป็นรถสปอร์ต 4 ประตูรุ่นแรกที่ Mercedes-AMG พัฒนาเองทุกกระบวนการ รถยนต์รุ่นนี้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวของ ความสะดวกสบาย ความเร้าใจ และสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมเพื่อการขับขี่ในทุกสถานการณ์ ซึ่งถ่ายทอดมาจากรากฐานของรถยนต์ตระกูล SLS และ AMG GT 

 

 

          ด้านขุมพลังของรถทั้งสองรุ่น ได้แก่ Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง ความจุ 2,999 ซีซี. เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ สมรรถนะสูงสุด 435 แรงม้า ที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 520 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-5,800 รอบ/นาที ผสานด้วยระบบอีคิวบูสท์ (EQ Boost) มอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษที่เป็นตัวกลางช่วยประสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับระบบเกียร์ และยังสามารถสร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถที่ใช้แรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์ได้, AMG Performance 4MATIC+ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่จะรักษาความสมดุลและเสถียรภาพของรถได้เป็นอย่างดีในทุกสภาพถนน, ระบบช่วงล่าง AMG RIDE CONTROL+ ที่ใช้ระบบ ADS+ สามารถปรับได้ 3 ระดับตามสไตล์การขับขี่และสภาพถนน, ระบบ AMG DYNAMIC SELECT ที่สามารถปรับได้ 3 โหมด คือ Sport, Sport+ และ Individual เป็นต้น

 

 

          ส่วนรุ่น Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé ใช้เครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 Biturbo ความจุ 3,982 ซีซี. มอบสมรรถนะสูงสุดถึง 639 แรงม้า ที่ 5,500-6,500 รอบ/นาที แรงบิด 900 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500-4,500 รอบ/นาที มาพร้อมกับระบบควบคุมการเลี้ยวด้วยล้อหลัง (AMG Rear Axle Steering) AMG DYNAMIC PLUS package ที่ช่วยเสริมพลศาสตร์ยานยนต์และลักษณะรถยนต์แบบสปอร์ต นอกจากยางรองแท่นเครื่องยนต์และที่ยึดเกียร์แบบไดนามิกแล้ว แพ็กเกจดังกล่าวยังมีระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตที่ปรับให้แน่นขึ้น รวมถึงระบบบังคับเลี้ยวแบบพิเศษด้วย ทั้งสองรุ่นใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT TCT 9-speed ที่มีชุดคำสั่งเฉพาะที่ช่วยให้ระยะทดกำลังเมื่อเปลี่ยนเกียร์สั้นที่สุด ซึ่งทำให้ความเร็วของรถเพิ่มขึ้นได้เร็วกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อขับขี่ในโหมด Sport+ และโหมดกำหนดเอง โดย Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupé สนนราคาที่ 9,990,000 บาท และ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupé สนนราคาที่ 14,990,000 บาท

 

Mercedes-AMG G 63

 

 

         ยนตรกรรมอเนกประสงค์ที่สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดของรถยนต์ G-Class ในตระกูล Mercedes-AMG ที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ และสถานะการเป็นผู้นำในกลุ่มรถยนต์หรูแบบออฟโรดเอาไว้อย่างมั่นคง ด้วยโครงสร้างตัวถังทรงสี่เหลี่ยมที่ใช้เหล็กกล้าหลากหลายระดับ มีความทนทานและแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าโครงสร้างเดิมถึง 55% และยังช่วยดูดซับเสียงรบกวนในห้องโดยสารได้ดียิ่งขึ้น ด้านภายในได้รับการตกแต่งใหม่ เพื่อให้ห้องโดยสารมีความทันสมัยและใหญ่ขึ้นในทุกมิติ คือ ยาวกว่าเดิม 101 มิลลิเมตร กว้างกว่าเดิม 121 มิลลิเมตร และสูงกว่าเดิม 40 มิลลิเมตร

 

 

         Mercedes-AMG G 63 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 ความจุ 3,982 ซีซี. Biturbo และอินเตอร์คูลเลอร์ สมรรถนะสูงสุด 585 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500-3,500 รอบ/นาที โดยมีอัตราการใช้พลังงานแบบผสมที่ 13.1 ลิตร/ 100 กิโลเมตร และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบผสมที่ 299 กรัม/กิโลเมตร มาพร้อมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT TCT 9-speed Sport ที่มีชุดคำสั่งเฉพาะที่ช่วยให้ ระยะทดกำลังเมื่อเปลี่ยนเกียร์สั้นที่สุด ช่วยให้ความเร็วของรถเพิ่มขึ้นได้เร็วกว่าเดิม โดยเฉพาะ เมื่อขับขี่ในโหมด Sport+ และโหมดกำหนดเอง ควบคู่กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่เน้นการกระจายกำลังไปที่ล้อคู่หลังแบบ 40:60 ผสานด้วยระบบช่วงล่าง AMG RIDE CONTROL ที่เป็นระบบมาตรฐานของรถยนต์รุ่นนี้ สามารถปรับได้ตามสไตล์การขับขี่และสภาพถนน โดยระบบจะอ้างอิงข้อมูลต่างๆ เช่นทิศทางและความเร็วของรถ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับได้ 3 โหมด คือ Comfort, Sport, และ Sport+ โดย Mercedes-AMG G 63 สนนราคาที่ 14,790,000 บาท

 

Mercedes-AMG C 43 4MATIC รุ่นประกอบในประเทศ

 

 

         Mercedes-AMG C 43 4MATIC ถ่ายทอดสมรรถนะได้อย่างเหนือชั้นตั้งแต่การชมภายนอกและการขับขี่ ผ่านฝากระโปรงหน้าที่ปรับแต่งด้วยเส้นสายใหม่ให้สวยงามกว่าเดิม, โครงสร้างบังคับทิศทางลมที่ยกตัวขึ้นจากฝากระโปรงหน้าที่ได้รับการออกแบบให้ช่วยควบคุมการไหลเวียนของลมที่ปะทะด้านหน้าของตัวรถให้ดียิ่งขึ้น, สเกิร์ตข้างที่ดีไซน์ให้เข้ากับล้ออัลลอยน้ำหนักเบา แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว จากเอเอ็มจี โดยช่องลมและองศาก้านล้อได้รับการปรับปรุงอย่างละเอียดในอุโมงค์ลมเพื่อให้การไหลเวียนของอากาศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการพัฒนาล้ออัลลอยนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาด้านอากาศพลศาสตร์ น้ำหนักรถและความร้อนที่ระบบเบรกที่ส่งผลโดยตรงต่อสมรรถนะและอัตราการใช้พลังงาน ฝากระโปรงหลังยังมาพร้อมกับโครงสร้างบังคับทิศทางลมที่ดูสะดุดตา รวมถึงดิฟฟิวเซอร์สไตล์ใหม่ที่ช่วยพัฒนาการไหลเวียนของอากาศด้านหลังตัวรถพร้อมท่อไอเสียดีไซน์ใหม่แบบ Two round twin tailpipe look ปิดท้ายด้วย ตกแต่งรอบคันด้วย AMG Bodystyling

 

 

          Mercedes-AMG C 43 4MATIC ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V6 ความจุ 2,996 ซีซี. Biturbo พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ สมรรถนะสูงสุด 390 แรงม้า ที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิด 520 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500-5,000 รอบ/นาที โดยยังมาพร้อมกับชุดคำสั่งเอเอ็มจี เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมเสริมประสิทธิภาพการขับขี่มีความสปอร์ตจนถึงขีดสุด อาทิ

  • หน้าจออุณหภูมิของเหลว (Warm-up) ที่แสดงอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และแรงดันในโหมด Boost
  • หน้าจอการตั้งค่า (Setup) แสดงข้อมูลของโหมดการขับขี่ที่ใช้งานอยู่ การตั้งค่าระบบกันสะเทือน โหมดการปล่อยไอเสีย การตั้งค่าระบบ ESP ® และเกียร์ที่ใช้อยู่
  • หน้าจอแรงจี (G-Force) แสดงแรงจีปัจจุบันที่กดลงมาที่ตัวรถ เมื่อผู้ขับขี่ใช้ความเร็วใดๆ และให้คำแนะนำในการขับขี่ให้เหมาะสม
  • หน้าจอจับเวลา (Race Timer) สำหรับการจับเวลาโดยตัวผู้ขับขี่เอง ซึ่งสามารถจับเวลาต่อรอบพร้อมทั้งแสดงรอบที่ใช้เวลาน้อยและมากที่สุดได้พร้อมกัน รวมถึงระยะที่ขับขี่และความเร็วเฉลี่ย
  • หน้าจอข้อมูลเครื่องยนต์ (Engine data) แสดงแรงบิดและกำลังเครื่องยนต์แบบกราฟแท่ง รวมถึงแรงดันในโหมด Boost

 

 

          นอกจากนี้ยังติดตั้งหน้าจอดิจิทัลสำหรับแสดงความเร็วและเกียร์ปัจจุบัน เมื่อเปิดการใช้งานโหมดเกียร์ธรรมดา โดยสัญลักษณ์ตัว M สีเหลืองจะปรากฏขึ้นมาที่หน้าจอ รวมไปถึงระบบ AMG DYNAMIC SELECT ที่มีให้เลือก 5 โหมด คือ Comfort, Sport, Sport+, Individual และโหมดการขับขี่ใหม่ คือ Slippery เพื่อช่วยกระจายกำลังให้เป็นไปอย่างสม่ำเสมอและเหมาะสมกับสภาพถนนที่เปียกจากฝน Mercedes-AMG C 43 4MATIC รุ่นประกอบในประเทศ สนนราคาที่ 4,310,000 บาท

 

Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศ

 

 

         สะท้อนสมรรถนะที่เหนือกว่าผ่านรูปลักษณ์อันน่าหลงใหล และลายเส้นด้านข้างที่ดูทรงพลังผ่านฝากระโปรงและช่องพาวเวอร์โดม พร้อมตกแต่งกระจกมองข้างและขอบบานกระจกด้วยสีดำที่ช่วยเสริมความสปอร์ตขึ้นไปอีกขั้น, ท่อไอเสียแบบ AMG Sport exhaust system ปลายท่อไอเสียคู่แบบ 2 round twin tailpipe look, สปอยเลอร์ด้านหลังบน, ฝากระโปรงท้ายแบบ AMG Spoiler lip, ปลายสปอยเลอร์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ช่วยเสริมคุณสมบัติด้านอากาศพลศาสตร์, ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 20" ตกแต่งด้วยโทนสีดำ พร้อมภายในที่ผสานทั้งความหรูหรา ความสปอร์ต และความล้ำสมัยอย่างสมบูรณ์แบบ และถ่ายทอดพละกำลังด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ความจุ 2,999 ซีซี. เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ สมรรถนะ 435 แรงม้า ที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิด 520 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-5,800 รอบ/นาที

 

 

          Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยที่ได้รับการบรรจุให้เป็นรุ่นแรกของรถยนต์รุ่นประกอบในประเทศ อาทิระบบเตรียมความพร้อมของรถยนต์, ระบบเช็คสภาพรถยนต์, ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ทางไกล, ระบบโทรศัพท์ฉุกเฉินของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และระบบ Communication module (LTE) เพื่อเชื่อมต่อกับบริการ Mercedes me connect นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง อาทิ ระบบอีคิวบูสท์ (EQ Boost) ที่ช่วยในการออกตัวรถ และควบคุมการทำงานของระบบไฮบริด โดดเด่นด้วยระบบปรับรูปแบบการขับขี่แบบ AMG DYNAMIC SELECT ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้โหมดการขับขี่ให้สอดคล้องกับความต้องการได้, ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อพร้อมเทคโนโลยี AMG Performance 4MATIC+, ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist), ระบบช่วงล่างแบบถุงลม AMG RIDE CONTROL+ Suspension เป็นต้น ทั้งนี้ Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศ สนนราคาที่ 5,260,000 บาท

 

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook