เขียนโดย: boytaku boxza

เมื่อ: 18 เมษายน 2562 - 17:30

KIA HabaNiro Concept ครอสโอเวอร์แห่งอนาคต ชูเทคโนโลยีขุมพลังไฟฟ้า ระบบไร้คนขับ และการดีไซน์

 

          KIA นำเสนอยนตรกรรมแห่งอนาคต เพื่อยกระดับสู่ทิศทางใหม่ของแบรนด์ในอนาคต ด้วยการเปิดตัว KIA HabaNiro Concept ครอสโอเวอร์พลังงานไฟฟ้าแห่งยุคอนาคต อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ โดยเฉพาะระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 5 ที่จะกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ และการดีไซน์ใหม่

 

 

          KIA HabaNiro Concept ได้รับการถ่ายทอด "มองโลกอนาคตของความคล่องตัว" ซึ่งตัวรถได้ออกแบบและผลิตโดย Kia’s California design studio ความน่าสนใจของรถรุ่นนี้คือการออกแบบเส้นสายตัวถังที่สะท้อนถึงความบึกบึนและความทันสมัย แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือ "กระจังหน้า" ถูกออกแบบใหม่โดยได้แรงบันดาลใจมาจาก "จมูกฉลาม" แทนจมูกเสือแบบเดิม ร่วมกับไฟหน้า LED ที่ออกแบบเหมือนเขี้ยว และหากสังเกตดีๆ รอยต่อระหว่างฝากระโปรงหน้า กับกระจังหน้าจะมีส่วนที่เป็นฟันอลูมินียม ขนาบด้วยไฟ LED Daylight ตัวถังรถมีการใช้โทนสีที่หลากหลาย สร้างสรรค์ความโดดเด่นอย่างลงตัวด้วยตัวถังสีขาว หลังคาสีดำเงา กระจังหน้า - กันชนหน้า ยาวไปถึงซุ้มล้อหน้าและประตูข้างสีเทา ปิดท้ายด้วยแถบสีแดงที่พาดบริเวณเสา C

 

 

          KIA HabaNiro Concept ยังมาพร้อมกับสปอยเลอร์ท้าย, วินซ์ที่ด้านหน้า และห่วงคล้องตะขอสีแดงที่ด้านหลัง, ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว, ประตูปีกผีเสื้อ ที่เผยให้เห็นภายใน 4 ที่นั่ง ที่ตกแต่งด้วยโทนสีแดง Lava Red, เบาะนั่งหุ้มผ้า Bouclé, ไฟส่องห้องโดยสารบนพื้นที่ออกแบบลวดลายทรงเรขาคณิต,  ด้านบนมาพร้อมหลังคากระจก, ที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ แผงคอนโซลที่เรียบง่ายไม่มีระบบควบคุมหรือแม้แต่จออินโฟเทนเมนต์ แต่ทางบริษัทฯ ระบุว่า ตัวแผงอะครีลิคสีขาวบนคอนโซลจะทำหน้าที่เป็นระบบสัมผัสและตรวจจับแสงสำหรับควบคุมระบบภายในรถ โดยที่จะแสดงข้อมูลผ่านจอ Head-up Display ที่กระจกหน้ารถทั้งบาน แถมยังมีระบบการแบ่งปันตัวเลือกทางเทคนิค (TOSS) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถปัดโยกย้ายระบบควบคุมหรือระบบแสดงผลผ่านหน้าจอ Head-up Display ไปยังตำแหน่งอื่นได้ รวมไปถึงพวงมาลัยและจอเรือนไมล์ที่สามารถพับเก็บได้เมื่อเปิดฟังก์ชั่นระบบขับขี่อัตโนมัติ เพิ่มความกว้างขวางของห้องโดยสารอีกด้วย

 

 

          ด้านระบบขับเคลื่อนของ KIA HabaNiro Concept ยังไม่เปิดเผยออกมาชัดเจน แต่จะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าผสานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD สามารถวิ่งได้ไกลถึง 483 กม./ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง และระบบขับขี่อัตโนมัติเองก็ยังสามารถปรับรูปแบบการขับขี่ตามอารมณ์ของผู้ขับขี่แบบเรียลไทม์ โดยจับพฤติกรรมผู้ขับขี่จากกล้อง เซ็นเซอร์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) นอกจากนี้ กระจกมองหลังของรถก็ยังสามารถฉายภาพด้านหลังรถเมื่อผู้ขับขี่ทำการถอยจอดแบบเต็มจออีกด้วย 

 

 

Cr. ข้อมูลและภาพประกอบจาก carscoops.com

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook