ตลาดรถกระบะในยุโรปคงได้คึกครักกันอีกแน่ในปี 2020 เพราะทาง Jeep พร้อมที่จะทำการจัดส่ง Jeep Gladiator มาวางขายในตลาดยุโรป และไม่ใช่เฉพาะ Jeep Gladiator เท่านั้น ยังพ่วง Wagoneer และ Grand Wagoneer ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ให้ชนชาวทวีปยุโรปได้จับจองกันด้วย
ภายนอกรูปร่างหน้าตา และรูปทรงองค์เอวถ้าจะบอกว่าคงเอกลักษณ์ของรถ Jeep Wrangler ไม่ว่าจะเป็น กระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมูที่โดดเด่น , ไฟหน้าทรงกลมและโคมไฟท้ายแบบสี่เหลี่ยม
ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบให้ทันสมัย มีเบาะที่นั่งถึง 5 ที่มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่รองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto สามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกได้สูงสูดถึง 725 กิโลกรัม และมีแรงในการลากกจูงสูงถึง 3469 กิโลกรัม ส่วนระบบช่วงล่างเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Command-Trac และ Rock-Trac พร้อมระบบล็อคเฟืองหน้า – เฟืองหลัง , Trac-Lok limited-slip differential และกันโคลงแบบไฟฟ้า มาพร้อมกับยาง Off-Road ขนาด 33 นิ้ว สามารถลุยน้ำลึกได้สูงสุด ถึง 30 นิ้ว สบายๆ
Jeep Gladiator มีการพัฒนาโดยใช้พื้นฐานจากแพลทฟอร์มของ Jeep Wrangler เครื่องยนต์มี อยู่ 2 แบบ เป็นเครื่องยนต์เบนซิน Pentastar V6 ความจุ 3.6 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ หรือธรรมดา 6 จังหวะ กำลังสูงสุดมีให้ใช้ถึง 285 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 353 นิวตัน-เมตร และเครื่องยนต์ดีเซล V6 ขนาด 3.0 ลิตร EcoDiesel จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด มีพละกำลังแรงม้าถึง 260 ตัว มาพร้อมกับแรงบิด 600 นิวตัน-เมตร ส่วนด้านสเปคเครื่องยนต์ของ Jeep Gladiator ตัวที่จะนำไปวางขายในยุโรปนั้น ยังไม่มีข้อมูลที่แน่นอน แต่จากการคาดเดานั้นคงมีเครื่องยนต์ที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย โดยจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.2 ลิตร ที่ให้กำลังแรงม้าถึง 200 ตัว แรงบิดอยู่ที่ 450 นิวตัน-เมตร และเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ 2.0 ลิตร ที่ให้พละกำลัง 267 แรงม้า แรงบิดที่ 400 นิวตัน-เมตร
ส่วนการวางจำหน่าย Jeep Gladiator ในสหรัฐอเมริกา นั้นคงต้องรอในช่วงเดือน เมษายนถึงมิถุนายน และยังไม่มีการกำหนดราคาออกมาด้วยสำหรับเจ้ารถบรรทุก Jeep Gladiator คันนี้ ส่วนตลาดยุโรปนั้นก็ต้องรอถึงปี 2020 ส่วนบ้านเรานั้นคงต้องรอผู้นำเข้าอิสระสถานเดียวครับ
Cr.motor1.com และ jeepgladiatorforum.com