ทายาทลำดับที่ 8 เจเนอเรชั่นล่าสุดของ Porsche 911 ไม่ได้มีเพียงพละกำลังมหาศาลที่มากกว่ารุ่นก่อนหน้า แต่ยังคงพกพาความสะดวกสบาย และความปลอดภัยที่เหนือขึ้นไปอีกขั้นด้วย Porsche Wet Mode ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมล้ำเลิศทางวิศวกรรมยานยนต์ที่มาพร้อมยนตรกรรมสปอร์ตคันนี้ พร้อมส่งมอบประสิทธิภาพการขับขี่ และบังคับควบคุมอันเฉียบคมอย่างน่าอัศจรรย์แม้บนถนนที่เปียกลื่น ซึ่งเป็นระบบช่วยเหลือที่ได้รับการติดตั้งเป็นครั้งแรกของโลก
กระบวนการทำงานของ Porsche Wet Mode
“Wet Mode ได้รับการคิดค้นพัฒนาขึ้นเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ขับขี่ ในสภาพการณ์ที่ต้องเผชิญกับพื้นถนนที่เปียกลื่น การทำงานของระบบช่วยเหลือดังกล่าวไม่ได้เป็นการขวางกั้นพละกำลังมหาศาลของขุมพลังเครื่องยนต์ และไม่ได้เป็นการจำกัดความเร็วสูงสุดแต่อย่างใด สิ่งนี้ไม่ได้เป็นหลักประกันความปลอดภัยต่อการขับขี่ด้วยความเร็วสูงเกินขอบเขตในสภาวะแวดล้อมที่เต็มไปด้วยน้ำ แต่รับรองได้ว่านี่คือระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่สามารถเข้าถึงทุกประสาทสัมผัสของผู้ขับขี่ได้อย่างแท้จริง” ข้างต้นคือคำกล่าวของ Mr. August Achleitner หัวหน้าทีมพัฒนารถยนต์หลากรุ่นมาเป็นระยะเวลา หลายปี
Porsche Wet Mode เปี่ยมไปด้วยความยอดเยี่ยมในการตรวจจับสภาพถนนที่เปียกลื่น โดยอัตโนมัติ และสามารถส่งสัญญาณไปยังผู้ขับขี่เพื่อให้ทราบถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดอาการเหินน้ำ หรือ aquaplaning กระบวนการทำงานดังกล่าว เกิดขึ้นจากอุปกรณ์ acoustic sensors รับหน้าที่ในการตรวจจับปริมาณละอองน้ำที่ถูกสาด ขึ้นมาบริเวณซุ้มล้อหน้า โดยอาศัยหลักการที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง จากวิธีการทำงานของเซนเซอร์ปัดน้ำฝนกระจกบังลม หน้าหรือ windscreen wiper rain sensors ซึ่งตรวจสอบเพียงการสะท้อนแสงของหยดน้ำที่ตกกระทบลงบนผิวกระจก ไม่ได้สื่อถึงสภาพเส้นทางที่แท้จริงแต่อย่างใด เนื่องจากในสถานการณ์จริงอาจยังมีน้ำขังอยู่บนผิวทางแม้ว่าฝนจะหยุด ตกไปแล้วก็ตาม
ในกรณีที่ระบบตรวจพบผิวถนนที่เปียกลื่น พฤติกรรมในการตอบสนองของระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวด้วยอิเล็กทรอนิกส์ Porsche Stability Management (PSM) และระบบ Porsche Traction Management (PTM) จะได้รับการปรับตั้งการทำงานล่วงหน้าโดยทันทีทันใด ระบบทั้ง 2 จะถูกเตรียมพร้อม และเพิ่มอัตราการตอบสนองที่รวด เร็วยิ่งขึ้นกว่าในสถานการณ์ปกติทั่วไป สัญญาณเตือนจะแสดงขึ้นบนหน้าจอฝั่งขวามือของมาตรวัดความเร็วรอบ เครื่องยนต์เพื่อให้ข้อมูลไปยังผู้ขับขี่ถึงสภาพถนนที่มีน้ำขัง และแนะนำให้เปลี่ยนรูปแบบการขับเป็น Wet Mode โดย สามารถสั่งการฟังก์ชันดังกล่าวได้อย่างง่ายดายผ่านแผงสวิทช์ควบคุมบริเวณคอนโซลกลาง หรือสั่งการผ่าน mode switch บนพวงมาลัยเมื่อติดตั้งอุปกรณ์พิเศษ ชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Sport Chrono Package
ขณะที่ Wet mode กำลังทำงาน ระบบ PSM, PTM, ระบบอากาศพลศาสตร์, อุปกรณ์พิเศษ Porsche Torque Vectoring (PTV) Plus และการตอบสนองของตัวรถทั้งหมดจะได้รับการปรับไปยังเงื่อนไขที่พร้อมเพิ่มเติมเสถียรภาพการบังคับ ควบคุมสูงสุดที่ความเร็วตั้งแต่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ชุดสปอยเลอร์หลังแบบปรับระดับอัตโนมัติจะถูกตั้งไว้ในตำแหน่งที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด ครีบดักอากาศจะได้รับการเปิดออกจนสุด การตอบสนองของแป้นคันเร่งจะลดความไวลง และผู้ขับขี่จะไม่สามารถสั่งปิดการทำงานของระบบ PSM รวมทั้งไม่สามารถเลือกใช้ Sport mode แรงบิดที่ได้จาก เครื่องยนต์จะถูกปรับแต่งให้ทำงานอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนอัตราทดของชุดเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ PDK แปดจังหวะจะ เป็นไปอย่างราบเรียบเช่นเดียวกัน
สำหรับ Porsche 911 Carrera 4S รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel-drive พละกำลังส่วนหนึ่งจะถูกถ่ายเทไปยังล้อขับเคลื่อนคู่หน้าด้วยอัตราส่วนที่มากกว่าปกติเพื่อผลในการ เพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัว สัดส่วนการจับตัวของเฟืองท้าย electronically controlled differential เป็นอีกหนึ่งกรรมวิธีของ Porsche 911 ที่ได้รับการปรับสภาพเพื่อพร้อมรับมือกับเส้นทางเปียกลื่น
ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน Porsche 911 ให้การบังคับควบคุมที่มั่นใจเต็มพิกัด คล่องแคล่วและแม่นยำ เปี่ยมสมรรถนะแม้ในยามที่ต้องหักพวงมาลัยเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน รองรับการตอบสนองที่สัมพันธ์กันอย่างสมดุลระหว่างพละกำลังที่เหมาะสม และสภาพพื้นผิวเส้นทางที่เกิดการเปลี่ยนแปลงสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานตลอดเวลา ระบบช่วยเหลือการขับขี่ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวไม่เพียงให้ความเชื่อมั่นบนถนนเปียกเท่านั้น แต่ Wet Mode ยังครอบคลุมถึงการใช้งานบนพื้นผิวที่ปกคลุมด้วยหิมะเช่นเดียวกัน