บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจปี 2561 ที่ผ่านมา ยอดขายพุ่งสูงสุดทะลุ 7 หมื่นคัน เติบโต 37% ทำลายทุกสถิติ มั่นใจปี 2562 ตลาดรถยนต์คึกคักกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยบวกรอบทิศทาง เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เสริมทัพอีก 6 รุ่น ทั้งรถเก๋ง รถอเนกประสงค์ และรถครอสโอเวอร์ มาพร้อมดีไซน์ใหม่ เทคโนโลยี SKYACTIV-X และ Hybrid ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเหนือระดับเพื่อเติมเต็มความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด เน้นกลยุทธ์การสร้างสายสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว ยกระดับคุณภาพบริการหลังการขาย พร้อมปรับโฉมโชว์รูม และศูนย์บริการให้เสร็จสมบูรณ์ภายในปีนี้ มั่นใจปีนี้ยอดขายมากกว่า 75,000 คัน และครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 6.7%
คุณชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย
คุณชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดรถยนต์ในปี 2561 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีแห่งการวัดคุณภาพ และฝีมือของคนยานยนต์ เนื่องจากตลาดมีการแข่งขันที่สูงมาก ประกอบกับมาสด้าไม่ได้มีรถยนต์รุ่นใหม่ลงสู้ศึกในตลาด แต่กลับทำยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำ สาเหตุสำคัญเกิดจากความมั่นใจของลูกค้าที่มีต่อตัวโปรดักซ์ทุกรุ่น กิจกรรมการตลาดที่เข้าถึงทุกพื้นที่ การสื่อสารแบรนด์สู่ความเป็นพรีเมียมแบรนด์ที่ลูกค้าสัมผัสได้จริง ตลอดจนการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าเป็นอย่างดี ส่งผลให้ยอดขายรวมทะลุถึง 70,475 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 37% โดยเฉพาะรถ Mazda 2 ที่ขึ้นแท่นครองอันดับหนึ่งตลาดรถเก๋งเล็ก ด้วยยอดขายสูงถึง 45,972 คัน เพิ่มขึ้น 45% ในขณะที่รถอเนกประสงค์ CX-5 โดนใจลูกค้าอย่างแรง คว้ายอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์ 8,184 คัน เพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 69% ในส่วนรถปิกอัพ BT-50 Pro เริ่มกลับมาเป็นขวัญใจลูกค้าอีกครั้ง ด้วยยอดขาย 7,498 คัน เพิ่มขึ้น 26% ส่งผลให้ Mazda สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 6.7% ซึ่งถือเป็นส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดของมาสด้าทั่วโลก
สรุปยอดจำหน่ายรถยนต์มาสด้า ประจำปี 2561 เปรียบเทียบกับปี 2560
ข้อมูลการขายรถ | ยอดขายปี 2560 | ยอดขายปี 2561 | เปลี่ยนแปลง |
Mazda 2 | 31,760 | 45,972 | +45% |
Mazda 3 | 4,979 | 5,255 | +6% |
Mazda CX-3 | 3,812 | 3,536 | -7% |
Mazda CX-5 | 4,835 | 8,184 | +69% |
Mazda BT-50 Pro | 5,939 | 7,498 | +26% |
Mazda MX-5 | 30 | 30 | - |
ยอดรวม | 51,355 | 70,475 | +37% |
พร้อมกันนี้ คุณชาญชัย ตระการอุดมสุข ยังได้กล่าวถึงแผนการพัฒนาธุรกิจของ Mazda ในปี 2562 โดยคาดว่าตลาดรถยนต์จะทรงตัวหรือเติบโตขึ้นเล็กน้อย โดยประมาณการตัวเลขอยู่ที่ 1.03 – 1.06 ล้านคัน ส่วนยอดขายมาสด้ามองว่าปีนี้จะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 75,000 คัน หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 5 – 10% และส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 6.7% โดยปีนี้ยังคงเน้นการบริการลูกค้าทั้งก่อนและหลังการขาย ด้วยการเสริมศักยภาพของทีมงานในองค์กรรวมถึงทีมงานของผู้จำหน่าย ที่สำคัญปีนี้ถือเป็นปีทองของมาสด้าที่จะทำการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดมากถึง 6 รุ่น และมาพร้อมกับรูปลักษณ์การออกแบบจาก โคโดะ ดีไซน์ เจนเนอเรชั่น 2 และเทคโนโลยีสกายแอคทีฟใหม่ ควบคู่ไปกับการกำหนดกลยุทธ์การสื่อสารที่ฝ่ายการตลาดได้เพิ่มช่องทางการสื่อสารเพื่อสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น
มร. อัตสึชิ ยาซูโมโต้ รองประธานบริหารอาวุโส
มร. อัตสึชิ ยาซูโมโต้ รองประธานบริหารอาวุโส กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นตลาดหลักที่สำคัญของมาสด้า ด้วยยอดขายอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน สูงสุดติดกันมาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี ที่สำคัญ มาสด้า มอเตอร์ ยังคงให้การสนับสนุน มาสด้า ประเทศไทย อย่างต่อเนื่องในทุกด้าน ทั้งการลงทุน และเทคโนโลยี ในปีนี้มาสด้ากำลังจะก้าวไปสู่รถยนต์ในเจเนอเรชั่นที่ 7 และการมาของเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด SKYACTIV-X ซึ่งเป็นการผสมผสานคุณลักษณะเด่นของเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลรวมไว้ด้วยกัน และเมื่อกล่าวถึงเรื่องเครื่องยนต์ ผมคงจะต้องกล่าวถึงเรื่องเทคโนโลยีทางด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV โดยเครื่องยนต์ SKYACTIV-X นั้นเราได้ผนวกเทคโนโลยีไฟฟ้าเข้ามาด้วย ซึ่งในส่วนนี้เราได้คิดตั้งแต่เริ่มกระบวนการพัฒนา หรือ Well-to-Wheel ควบคู่ไปกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ผ่านกระบวนการทำงานของรถยนต์ทั้งคัน เพราะมาสด้าได้เล็งเห็นปัญหาในเรื่องของภาวะโลกร้อน จึงเป็นที่มาของนโยบาย Sustainable Zoom-Zoom 2030 เพื่อให้โลกยังคงสวยงาม เพื่อผู้คน และสังคมของเรา มีความงดงามและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข
นี่คือแนวทางและปณิธานทั้งหมดที่ได้มาสด้ามุ่งมั่นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า นี้คือยุทธศาสตร์ที่จะขับเคลื่อนธุรกิจของมาสด้าที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2562 เพื่อต่อยอดสู่ความสำเร็จ และความมุ่งมั่น เพื่อให้มาสด้าเป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจอย่างยั่งยืน