เขียนโดย: Monster Racing

เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2561 - 15:34

Toyota CH-R คว้ารางวัล Crossover ดีไซน์ล้ำสมัย เทคโนโลยีอัดแน่นเต็มลำ

          เรียกได้ว่าเป็นรถ Crossover ที่มีดีไซน์ที่ล้ำสมัยที่สุดของยุคเลยก็ว่าได้ สำหรับ Toyota CH-R ซึ่งนอกเหนือไปจากดีไซน์ที่ฉีกทุกกฏเกณฑ์แล้ว CH-R ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ ที่ Toyota ตั้งใจติดตั้งมาให้อย่างครบครันเป็นรุ่นแรก ซึ่งก็คงไม่ต้องแปลกใจหากทีมงาน BoxzaRacing จะยกรางวัล "Crossover ดีไซน์ล้ำสมัย และเทคโนโลยีอัดแน่นเต็มลำ" นี้ให้

 

 

          โดย Toyota CH-R นั้น มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ ที่ติดตั้งเป็นครั้งแรกในรถยนต์ Toyota ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย ได้แก่

1. เครื่องยนต์ Hybrid ใหม่

2. โครงสร้างใหม่ Toyota New Global Architecture (TNGA)

3. มาตรฐานความปลอดภัยใหม่ Toyota Safety Sense

4. เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ Toyota T-Connect Telemetics

 

 

          ด้วยโครงสร้าง และสถาปัตยกรรมใหม่ Toyota New Global Architecture (TNGA) ทำให้การดีไซน์โดดเด่น และมีเอกลักษณ์ เพื่อก่อให้เกิดความรู้สึกใหม่ของการขับขี่แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งนี้ Toyota CH-R มาพร้อมกับไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ Bi-LED ผสานด้วยไฟ LED Daylight, ไฟตัดหมอก, กระจกมองข้างปรับพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว LED, ไฟส่องพื้น Welcome Lamp, สปอร์เลอร์ท้ายแนวเดียวกับหลังคาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3, ไฟท้าย LED C-Shape

 

 

มิติตัวถัง Toyota CH-R

  • ความยาว x ความกว้าง x ความสูง : 4,360 x 1,795 x 1,565 มม.
  • ระยะฐานล้อ : 2,640 มม.
  • ระยะห่างระหว่างล้อคู่หน้า - หลัง : 1,550 - 1,570 มม.
  • ขนาดล้อ : 17 นิ้ว
  • ขนาดยาง : 215/60 R17
  • ความจุถังน้ำมัน : 43 ลิตร

 

 

          สำหรับภายในของ Toyota C-HR มาพร้อมกับบุคลิกที่หรูหรา และทันสมัยราวกับยนตกรรมจากอนาคต โดยมาพร้อมกับ ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ (Push Start) และระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Smart Entry) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสาร Nanoe, หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว, เบาะนั่งด้านหลังแยกพับได้แบบ 60:40, ทั้งนี้แพลตฟอร์ม TNGA ยังมีการปรับปรุงในส่วนของทัศนวิสัยบริเวณแกนเสา A ที่ช่วยลดจุดอับสายตา รวมไปถึงครั้งแรกกับเทคโนโลยี Toyota T-Connect Telemetics เชื่อมต่อรถยนต์ด้วยเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ กับแอพพลิเคชั่น T-Connect & Find My Car เสมือนเป็นเลขาส่วนตัว อำนวยความสะดวกในการติดตามสภาพรถ ปล่อยสัญญาณ Wifi ระบบนำทาง และอื่นๆ อีกมากมาย

 

 

          Toyota C-HR ในรุ่น HV มาพร้อมอีกหนึ่งไฮไลท์เด็ด นั่นก็คือ ขุมพลังไฮบริดเจนเนอเรชั่นที่ 4 ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากเพื่อนร่วมค่ายอย่าง Prius สำหรับความโดดเด่นในเจนฯ นี้ก็คือ การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของชุดมอเตอร์กำลังสูงสุด 53 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 163 นิวตัน-เมตร ให้สูงขึ้น โดยแม้จะมีขนาดที่เล็กลง แต่สามารถรองรับการทำงานในย่านความเร็วถึง 110 กม./ชม. ซึ่งมอเตอร์ชุดนี้ จับคู่อยู่กับขุมพลังพิกัด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE แบบ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ความจุ 1,798 ซีซี. ให้อัตราส่วนกำลังอัดสูงสุดถึง 13.0 : 1 และหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI สมรรถนะสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิด 142 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที เมื่อรวมทั้ง 2 ระบบสามารถรีดสมรรถนะสูงสุด 122 แรงม้า ก่อนส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ซึ่งมีโหมดการขับขี่ให้เลือกตั้งแต่ Sport, ECO Drive และ EV Drive

 

 

          สำหรับระบบความปลอดภัยนั้น Toyota ได้ติดตั้งระบบ Toyota Safety Sense ซึ่งถือเป็นระบบความปลอดภัยใหม่ของรถโตโยต้าในมาตรฐานระดับโลก ซึ่งรวมเอาระบบความปลอดภัยขั้นสูงไว้ด้วยกัน อาทิ ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System), ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control), ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beams) และ ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ (Lane Departure Alert with Steering Assist)

 

 

ทั้งนี้ในส่วนของโครงสร้าง Toyota New Global Architecture (TNGA) ยังได้มีการออกแบบ และเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ ดังนี้

1. Body Rigidity

          เพิ่มความมั่นคงของรถจากการออกแบบโครงสร้างใหม่ ด้วยเหล็กกล้าที่มีความแข็งแรงสูง พร้อมเพิ่มจำนวนจุดเชื่อมตัวรถ (Spot Welding) ซึ่งช่วยรองรับแรงบิดที่มีต่อตัวถัง และเพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัว และเกาะถนน

2. Low Center Of Gravity

          ออกแบบจุดศูนย์ถ่วงตัวรถให้อยู่ในองศาที่ต่ำลง ช่วยลดอาการโคลงของตัวรถ และเพิ่มเสถียรภาพในการทรงตัว และเข้าโค้งได้ดีขึ้น

3. Good Handling

          ปรับจูนพวงมาลัยใหม่ ที่ให้การตอบสนองที่แม่นยำ และเฉียบคมมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถควบคุมรถได้อย่างง่าย และมั่นใจเฉกเช่นคุณนั่งอยู่ในรถสปอร์ต

4. Double Wishbone Suspension

          การออกแบบระบบช่วงล่างแบบปีกนกคู่อิสระ (Double Wishbone Suspension) ซึ่งช่วยซับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถกระจายแรงกระแทก และถ่ายเทน้ำหนักได้ดี พร้อมมีเหล็กกันโคลงขนาดใหญ่ช่วยค้ำอยู่ ส่งผลให้เพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ แต่ยังคงไว้ซึ่งการเกาะถนนที่ดีเยี่ยม

5. Excellent Visibility

          การออกแบบภายในห้องโดยสารที่เหมาะกับสรีระผู้ขับขี่ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัย และลดจุดอับสายตา ด้วยการเปลี่ยนแกนเสา A ใหม่ ส่งผลให้คุณมองเห็นได้กว้างกว่าที่เคย

 

 

          และนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Toyota CH-R ถึงได้รับรางวัล "Crossover ดีไซน์ล้ำสมัย และเทคโนโลยีอัดแน่นเต็มลำ" ที่ทางทีมงาน BoxzaRacing จัดทำขึ้น โดยสำหรับใครที่สนใจ สามารถจับจอง และทดลองขับ Toyota CH-R ได้ที่โชว์รูมโตโยต้าทุกสาขา โดยมีราคาจำหน่ายดังนี้

  • Toyota C-HR 2018 รุ่น 1.8 Entry ราคา 979,000 บาท
  • Toyota C-HR 2018 รุ่น 1.8 MID ราคา 1,039,000 บาท
  • Toyota C-HR 2018 รุ่น HV MID ราคา 1,069,000 บาท
  • Toyota C-HR 2018 รุ่น HV HI ราคา 1,159,000 บาท
รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook