เขียนโดย: Mr Argus

เมื่อ: 11 ตุลาคม 2561 - 16:11

Hyundai IONIQ รถไฟฟ้าสุดแรง เผยความลับนอกโบรชัวร์ ที่ใครไม่ได้ลอง...ไม่มีทางรู้

 

          ต้องยอมรับว่ารถยนต์ไฟฟ้าภายใน 10 ปีที่ผ่านมานี้มาแรงมาก ผลจากการที่ค่ายรถใหญ่ๆ หันมาเล่นไฮบริดเสียบปลั๊ก จนมาถึงรถพลังมอเตอร์ล้วนๆ ที่ผ่านกาลเวลาพิสูจน์แล้วว่า รถใส่ถ่านเหล่านี้ไม่ใช่แค่เครื่องใช้ไฟฟ้าของเล่น แต่ใช้งานได้จริง มีความแรงจนสวนเครื่องยนต์ระดับเดียวกันได้ และพิสูจน์แล้วว่ามีข้อดีอีกมากมาย ใช้งานในระยะยาวไม่มีปัญหา เหลือแค่ราคากับความแพร่หลายของสถานีชาร์จไฟ ซึ่งเคยเป็นอุปสรรคที่ทำให้คนระดับกลางเข้าถึงเทคโนโลยีสุดล้ำนี้ได้ยาก ซึ่งในปีนี้ Hyundai ได้ส่งนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้ชื่อรุ่นว่า Ioniq ที่แก้ปัญหารถไฟฟ้าเดิมๆ ที่เคยมี ให้คุณใช้งานได้อย่างสบายใจไม่ต่างจากรถใช้น้ำมัน แถมเพิ่มข้อดีที่จัดว่าอยู่ในระดับรถพรีเมี่ยม ภายในงบ 1.75 ล้านบาท ซ่อนของเล่นบางอย่างที่ไม่ได้มีบอกไว้ในโบรชัวร์ แต่เราแอบไปรู้มาจากการลองขับด้วยตัวเอง เอามาบอกต่อแบบปากต่อปาก แล้วตัดสินกันเอาเองเลยครับว่าคุ้มหรือไม่ ?

 

 

          ดีไซน์สปอร์ตด้วยทรงแบบท้ายลาด Fastback ซึ่งเป็นการผสมผสานข้อดีระหว่างรถซีดาน และแฮชท์แบ็คเข้าไว้ด้วยกัน กระจังหน้าแบบปิดทึบที่ชวนให้นึกถึงเทรนด์การออกแบบรถพลังไฟฟ้าระดับพรีเมี่ยม และมีประโยชน์มากกว่าความสวย เพราะให้ตัวรถลู่ลมอย่างเห็นได้ชัดจากตัวเลขค่าสัมประสิทธิ์ 0.24 แฝงความไฮโซดูแพง ด้วยการแต่งแถบสีทองแดงคาดขอบชายล่างของตัวรถรอบคัน สื่อถึงวัสดุทองแดงที่นำไฟฟ้าได้ดี เป็นความยูนีคไม่เหมือนใคร ฉีกแนวตัวถังทั่วไปที่มักจะเห็นเส้นโครเมียมจนเกลื่อนตา

 

 

          ภายนอก Hyundai Ioniq นั่นเป็นแค่การดีไซน์ที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า สิ่งที่โบรชัวร์ไม่ได้บอกไว้นั่นคือ ฝากระโปรงหน้ากับหลัง ใช้วัสดุเบา และแข็งแรงอย่างอะลูมิเนียม เรียกว่าให้สมดุลย์ความเบาขึ้นและลดจุดศูนย์ถ่วงลงได้ดีมาจากโรงงานเลย ที่ Hyundai กล้าทุ่มทุนขนาดนี้ เพราะมีอุตสาหกรรมโลหะเป็นของตัวเองด้วย จึงไม่แปลกที่จะเห็นสเปคเหล็กหนา โครงสร้างเหนียว จุดเชื่อมเยอะ จนเรารู้สึกได้จากเสียงเคาะที่ทึบมือ เสียงปิดประตูที่ทุ้มแน่น เรื่องแบบนี้บรรยายเป็นตัวอักษรคงไม่พอ ต้องมาลองด้วยตัวเองครับ

 

 

          เมื่อเข้าไปนั่งภายในก็พบกับสไตล์การออกแบบที่เรียบง่าย เส้นสายน้อยๆ แต่ไม่ทื่อ ด้วยการใช้รูปทรง 6 เหลี่ยมปาดเฉียงไปมา ตัดกับขอบเส้นสีทองแดง สวยหรือไม่แล้วแต่คนชอบ ส่วนวัสดุพลาสติกนั้น ตามสเปคระบุว่ามีส่วนผสมธรรมชาติจากผงไม้ และแร่หิน ให้ความเหนียว และแข็งแรง แต่ที่ในโบรชัวร์ไม่ได้บอกคือ เราก็ต้องลองเคาะวัสดุภายในเช่นเดียวกับภายนอก พบว่ามีการบุนวมมาให้เยอะ คาดคะเนดูแล้วกินพื้นที่เยอะกว่าส่วนพลาสติก ซึ่งตัววัสดุพลาสติกนั้นก็ทำมาหนา ประกอบออกได้เนียนจนไม่เหลือที่ช่องไฟให้ตัวได้เลย ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่พบได้บ่อยๆ ในรถราคาระดับนี้

 

 

          ทีมงานลองขับ Hyundai Ioniq ก็ต้องทำตัวเองให้อินกับกลุ่มลูกค้ารถไฟฟ้า ด้วยการสมมุติบทบาทตัวเองเป็นฮิปสเตอร์ฐานะดี สามารถมีรถสองคันในบ้าน แล้วเกิดอยากเอาของเล่นใส่ถ่านวิ่งไปกินกาแฟชิคๆ ในเมือง เริ่มออกตัวมาอย่างเงียบเชียบ บนถนนราบเรียบที่ไม่ได้ยินเสียงยาง ภายในให้ความเงียบชนิดที่ว่า ถ้าไม่มีเสียงเตือนมุมอับสายตา และเสียงเตือนออกนอกเลน ทีมงานคงนึกว่าตัวเองหูหนวกไปแล้ว เพราะมันเงียบสนิท ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ปลอมๆ หรือเสียงมอเตอร์หวีดหวิวใดๆ พวงมาลัยไฟฟ้าให้ความหนืดถูกใจสำหรับการขับในเมือง ไม่ไปไวชนิดที่นิ้วเดียวก็ม้วนกลับรถได้ และก็ไม่แข็งเหมือนรถซิ่งใส่ยางหน้ากว้าง หลังจากฝ่าจราจรในเมือง ก็พารถไฟฟ้าเหาะขึ้นทางลอยฟ้า เพื่อลองสมรรถนะ

 

 

          Hyundai Ioniq ขึ้นชื่อว่าใช้พลังไฟฟ้า ก็ต้องรีดเค้นจุดเด่นของคุณสมบัตินี้ออกมา โดยการเปลี่ยนจากโหมด Eco ให้เป็นโหมด Sport เห็นได้ชัดเจนว่าหน้าปัดดิจิตอลเปลี่ยนไป จากวัดความเร็ว กลายเป็นเกจวัดพลังงานที่ใช้ หน่วยเป็น % จากนั้นก็ลองกระดิกปลายเท้าจุ่มคันเร่งทันทีในทางโล่ง ปรากฎว่ารถให้แรงจีดันตัวคนขับติดเบาะ ตามแรงเท้าที่ขยี้ลงไปในทันที ฟิลลิ่งไม่ต่างจากเทอร์โบบูสต์ประมาณบาร์นึง เพียงแต่ไม่ต้องรอรอบใดๆ เลย ให้การเร่งออกตัว หรือเร่งแซงรถอื่นๆ ทำได้โดยไม่ต้องคิกดาวหรือคอยเลี้ยงรอบ อัตราเร่งดีมากจนเราแทบจะลืมไปเลยว่ามีแป้นแพดเดิ้ลชิฟต์ให้เล่นด้วย

 

 

          พอถอนคันเร่งก็มีการหน่วงโดยระบบ Generative Braking นำการหมุนของล้อไปปั่นไดนาโมชาร์จไฟกลับเข้าแบต ให้อารมณ์แบบเอ็นจิ้นเบรคในรถซิ่งเกียร์ธรรมดา ถ้าใครไม่ชอบการหน่วงแบบนี้ ก็สามารถเลือกระดับเอนจิ้นเบรคได้ด้วย โดยในขั้นต่ำสุดนี่ พอถอนคันเร่งแล้วรถไหลไปเหมือนเกียร์ออโต้ปกติ เหมือนเป็นรถคนละคันเลยก็ว่าได้ ส่วนช่วงล่างอ่านสเปคแล้วเห็นว่าด้านหลังเป็นคานบิด แต่ที่โบรชัวร์ไม่ได้บอกคือ โช้คอัพแบบแก๊สที่มันให้ความแน่นหนึบมาก เจอคอสะพานแย่ๆ ที่ความเร็ว 60 กม./ชม.ก็เด้งทีเดียวอยู่หมัด กลับมานิ่งเหมือนเดิม

 

 

          ขับแบบเค้นความแรงไปแล้ว ก็มาถึงการลองฟังก์ชั่นไฮเทคกับระบบ Lane Keeping Assist ที่ใช้กล้องตรวจจับเส้นจราจร(ที่ตีแบ่งอย่างชัดเจน) เมื่อเราลองเบี่ยงออกไปหาเส้นประที่ความเร็วประมาณ 60 กม./ชม. ระบบจะส่งสัญญาณเตือน แต่เรายังลองไม่หักกลับคืน รถก็จะทำการคืนพวงมาลัยกลับมาให้เองอย่างนุ่มนวล ไม่มีการกระชากกะทันหัน 

 

 

          เมื่อกลับเข้าเลนมาแล้ว ก็ลองอีกระบบหนึ่งคือ Smart Cruise Control ที่รักษาความเร็วแบบแปรผัน โดยตอนขับอยู่ก็แค่ถอนคันเร่ง กดปุ่มครูสฯ บนพวงมาลัย จากนั้นก็เขี่ยสวิตช์ขึ้น-ลงเพื่อเลือกปรับความเร็วที่ต้องการ รถจะเร่งขึ้นเรื่อยๆ จนถึงที่กำหนด แต่ถ้ารถตรวจจับเจอรถคันหน้าอยู่ ก็จะตามอย่างห่างๆ ซึ่งก็เลือกระยะความห่างได้อีก โดยในระยะใกล้สุดก็ยังเป็นความห่างในแบบที่สามารถเบรคได้ทัน หากคันหน้าหยุดกะทันหัน เพราะระบบ Autonomous Emergency Braking คำนวนให้เราเสร็จสรรพแล้ว แถมตอนขับอยู่ดีๆ ก็มีรถขับแย่ๆ มาแทรกปาดหน้าเรา ระบบนี้ก็ฉลาดพอที่จะเบรค และเร่งด้วยตัวเอง เพื่อรักษาระยะห่างเอาไว้ตามเดิม ให้เราไม่ต้องไปเครียดกับสภาพจราจรจากรถนิสัยห่วยๆคันอื่นด้วย

 

 

          การทดสอบครั้งนี้เจอกับการจราจรจริงทั้งทางโล่ง รถติด หรือรถปาดหน้าก็มี ซึ่งรถคันนี้รับมือได้ด้วยตัวมันเองด้วยสารพัดฟังก์ชั่นฉลาดๆ ที่เขียนไว้ครบในโบรชัวร์ให้อ่านจนตาลาย แต่ที่โบรชัวร์ไม่ได้บอกคือ ระบบพวกนี้ทำงานได้ราบรื่น ไม่มีฉุดกระชากลากถู แถมตรวจจับรถคันหน้าได้ถูกต้องแม่นยำ แม้ขณะที่รถคันหน้าเลี้ยวเบนออกไปในทางโค้ง Hyundai Ioniq ก็ยังใช้กล้องจับภาพได้อยู่ดี 

 

 

          รถนำเข้าจากเกาหลี ที่ได้สเปคยุโรปอย่างเป๊ะ กับราคา 1.75 ล้านบาทมีทอน ก็นับว่าคุ้มค่ามาก สำหรับการเป็นรถคันที่สองของบ้าน ที่ชาร์จเต็มจากปลั๊กไฟบ้านด้วยระยะเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง 30 นาที สามารถขับได้ระยะทาง 280 กม. รวมไปถึงระบบ Quick Charge ที่สามารถชาร์จได้เร็วภายใน 30 นาที โดยจะได้แบตเตอรี่ 80% ซึ่งทั้งนี้ Hyundai Ioniq สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 165 กม./ชม. ภายใต้แรงม้าระดับ 120 แรงม้า และแรงบิด 295 นิวตัน-เมตร แถมภายในรถยังมี Wireless Charger ที่วางสมาร์ทโฟนปุ๊บ ก็ชาร์จปั๊บมาให้อีกด้วย

          Hyundai Ioniq เป็นรถอีกคันที่เซอร์ไพรซ์เราด้วยวัสดุการประกอบ ความแรงติดเท้า และฟังก์ชั่นฉลาดที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอในรถราคาแค่นี้ นี่แหละเป็นที่มาของหัวเรื่องว่า ค้นพบความลับนอกเหนือจากที่โบรชัวร์ไม่ได้บอกไว้ ใครไม่ได้มาลองขับ รับรองว่าพลาดที่จะได้รู้ว่า โลกสมัยใหม่เขามีเทคโนโลยีไปไกลขนาดนี้แล้ว

 

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook