หลังจากที่ปล่อยให้แฟนๆ รอการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่มานานกว่า 11 ปี ล่าสุด บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ก็ได้ฤกษ์เปิดตัว Hyundai H-1 2018 ยนตรกรรม MPV ยอดนิยมอันดับหนึ่งของไทยรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับภาพลักษณ์ที่ดูหรูหราสง่างาม และเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกที่จัดเต็มขึ้นไปอีกขั้น เตรียมเปิดตัวให้คนไทยได้สัมผัสอย่างเป็นทางการ 9 สิงหาคม 2561
โดยก่อนหน้านี้ Hyundai Motor ประเทศเกาหลีใต้ ได้ทำการเปิดตัว Hyundai Grand Starex 2018 (หรือ Hyundai H-1 ในประเทศไทย) ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อช่วงปลายปี 2017 ซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดีเกินคาด และมีแฟนๆ ทั่วโลกรอการเปิดตัวในรูปแบบ Global Model กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งนั่นก็รวมถึงประเทศไทยของเราด้วยเช่นกัน
สำหรับ Hyundai H-1 2018 มาพร้อมกับการดีไซน์ที่ดูหรูหรา สง่างาม และดูภูมิฐานมากยิ่งขึ้น เริ่มจากไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED ที่สอดรับกับกระจังหน้าโครเมียมดีไซน์ใหม่, กันชนหน้าใหม่พร้อมไฟตัดหมอก LED, เส้นสายด้านข้างตัวรถที่มาเพิ่มความโฉบเฉียวถูกออกแบบใหม่, ไฟท้ายใหม่แบบ LED Light Guiding ตามสมัยนิยม ปิดท้ายด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วลายใหม่ ที่ดูหรูหรามากยิ่งขึ้น
สำหรับภายในห้องโดยสารได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด เริ่มจากแผงคอนโซลหน้าที่ออกแบบมาอย่างเรียบหรู ตกแต่งด้วยวัสดุโครเมียม ตัดกับสีน้ำตาล, เบาะหนังสีน้ำตาลพร้อมพนักวางแขนทุกที่นั่ง, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ 4 ก้าน, ระบบปรับอากาศ และช่องแอร์ดีไซน์ใหม่, แผงจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 8 นิ้ว ที่ลอยอยู่บนแผงคอนโซลกลาง, หลังคาซันรูฟ ฯลฯ
ด้านสมรรถนะคาดว่า Hyundai H-1 2018 จะใช้เครื่องยนต์ตัวเดิม นั่นก็คือ เครื่องยนต์ดีเซล CRDi VGT รหัส D4CB บล็อค 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว 2,497 ซีซี. กระบอกสูบ x ช่วงชัก 91.0 x 96.0 มิลลิเมตร กำลังอัด 15.5:1 พร้อมระบบอัดอากาศ VG Turbo และ Intercooler ให้กำลังสูงสุด 175 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 441 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-2,250 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด แบบ Sequential Shift ส่วนในประเทศเกาหลีใต้ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ จะมีรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ให้เลือกด้วย ซึ่งก็ต้องมาลุ้นกันว่าในประเทศไทยจะมีอ็อพชั่นเสริมตรงนี้ไหม
ทั้งนี้ Hyundai H-1 2018 จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในวันที่ 9 สิงหาคม 2561 ด้านราคาคาดว่าอาจจะอยู่ที่ประมาณ 1,400,000 - 1,750,000 บาท ซึ่งคงต้องรอยืนยันจากการเปิดตัวอีกครั้งหนึ่ง หากมีความคืบหน้าอย่างไร ทางทีมงาน BoxzaRacing จะรีบอัพเดทให้ทราบโดยทั่วกัน
