Hyundai เผยโฉม All-New Hyundai Veloster 2018 สปอร์ตแฮทช์แบ็คโฉมใหม่ อีกขั้นของความทันสมัยและความแรงที่น่าจับตา ที่ได้รับการผสมผสานและถ่ายทอดสู่บุคลิกสปอร์ตเข้มอย่างลงตัว ซึ่งได้รับการเผยโฉมอย่างเป็นทางการในงาน Detroit Auto Show 2018 และเริ่มเดินสายการผลิตอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม ที่เกาหลีใต้
โดย Hyundai Veloster 2018 จะมีทั้งรุ่น 5 ประตู และรุ่น 3 ประตู ให้เลือก ด้านภายนอกแม้จะยังคงบุคลิกรถแฮทช์แบ็คหลังคาลาดท้ายเช่นเดียวกับโฉมก่อนหน้า แต่ได้รับการปรับการออกแบบให้มีความทันสมัย ดูดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟหน้าโปรเจคเตอร์พร้อม LED Daylight, กระจังหน้าใหม่ที่มีความกระชับขึ้น ลงตัวกับโคมไฟหน้าและแผงสปอยเลอร์หน้า, แผงดิฟฟิวเซอร์ท้ายใหม่ พร้อมท่อไอเสียคู่, สปอยเลอร์ท้าย, เสาอากาศครีบฉลาม ทั้งนี้ในรุ่น 5 ประตู มาพร้อมกับมือจับเปิดประตูตรงปลายกระจกเสา C
สำหรับภายในได้รับการออกแบบเพิ่มความทันสมัย สวยงามยิ่งขึ้น ร่วมกับบรรจุเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกครบครัน ได้แก่ จออินโฟเทนเมนต์ 8 นิ้ว รองรับระบบ Apple Car Play และ Android Auto, กล้องมองหลัง, ระบบชาร์จไฟไร้สายสำหรับสมาร์ทโฟน, จอ Head-up Display, หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ, ระบบ Blue Link เป็นต้น ส่วนระบบความปลอดภัยจะมีทั้งระบบตรวจจับวัตถุตรงหน้า พร้อมระบบเบรกป้องกันการชนอัตโนมัติ, ระบบตรวจจับช่องเดินรถ, ระบบปรับไฟสูงต่ำอัตโนมัติ, ระบบแจ้งเตือนอาการเหนื่อยล้า เป็นต้น
ด้านขุมพลังนั้นจะมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ให้สมรรถนะสูงสุด 147 แรงม้า แรงบิด 132 ปอนด์/ฟุต ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เท่ากัน ส่วน Veloster Turbo จะได้รับเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร เทอร์โบ ที่ให้สมรรถนะสูงสุด 201 แรงม้า แรงบิด 195 ปอนด์/ฟุต มีฟังก์ชัน Overboost ที่สามารถอัดฉีดแรงบิดเพิ่มเป็น 202 ปอนด์/ฟุต ด้านระบบส่งกำลังจะได้รับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด กับเกียร์ดูอัลคลัทช์ 7 สปีด นอกจากนี้ในรุ่นเทอร์โบ จะได้รับพวงมาลัยพาวเวอร์ที่ได้รับการปรับให้หมุนได้เร็วขึ้น ร่วมกับการปรับเทียบใหม่เพื่อให้ตรงกับสมรรถนะที่สูงขึ้น รวมไปถึงเหล็กกันโคลงด้านหน้าขนาด 24 มม. และระบบกันสะเทือนหลัง Multilink พร้อมเหล็กกันโคลงท้ายขนาด 19 มม.
Hyundai Veloster โฉมใหม่ทุกรุ่น จะได้รับระบบควบคุมแรงบิดที่ล้อ Torque Vectoring Control โดยทำงานผ่านระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เซ็นเซอร์ที่ล้อทั้ง 4 และระบบเบรกเพื่อควบคุมประสิทธิภาพการเกาะถนนของล้อทั้ง 4 ได้เหมาะสม เช่น การเข้าโค้ง การเบรกที่แม่นยำ เป็นต้น