เขียนโดย: Monster Racing

เมื่อ: 5 ตุลาคม 2560 - 11:18

Mercedes AMG ฉลองครึ่งศตวรรษแห่งความสำเร็จของแบรนด์ ที่ขับเคลื่อนทุกสมรรถนะ Driving Performance

 

          AMG แบรนด์ที่ประกอบตัวอักษรภาษาอังกฤษ 3 ตัวนี้ ถือเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงไป ทั่วโลกในฐานะผู้ผลิตยานยนต์สมรรถนะสูง ที่มีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานอันยอดเยี่ยม พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าอภิรมย์ให้กับผู้เป็นเจ้าของ โดยในปี 2017 บริษัทฯ จะถึงโอกาสครบรอบ 50 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Mercedes-AMG ได้สร้างและรักษาชื่อเสียงของการเป็นผู้ผลิตรถยนต์สปอร์ต และรถยนต์สมรรถนะสูง ที่สะท้อนจากความสำเร็จในหลากหลายด้าน ทั้งด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ต และด้านการพัฒนารถยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

          ปัจจุบัน Mercedes-AMG มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองอัฟฟาวเตอร์บาค ประเทศเยอรมนี ถือเป็นหนึ่งในบริษัทลูกของกลุ่มเดมเลอร์ เอจี โดยพนักงานทุกคนของบริษัทฯ ต่างยึดมั่นในหลักการเดียวกัน คือการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ “ขับเคลื่อนทุกสมรรถนะ – Driving Performance” ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของแบรนด์ โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ต้องมีทั้งเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เต็มเปี่ยมด้วยนวัตกรรมเพื่อมอบความโฉบเฉี่ยวและเร้าอารมณ์

 

 

          การขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ช่วยให้แบรนด์ประสบความสำเร็จอย่างมากทั่วโลก โดยรถยนต์ในตระกูล 63 ยังคงเป็นรุ่นที่เป็นหัวใจของแบรนด์ และเป็นรถยนต์ตระกูลที่เป็นที่ปรารถนาของผู้คนทั่วโลก นอกจากนี้ เรายังมีผลิตภัณฑ์รถสปอร์ตตระกูล AMG GT ที่ Mercedes-AMG พัฒนาขึ้นเองทั้งหมด เพื่อแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการพัฒนารถสปอร์ตของแบรนด์อีกด้วย ในขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการรักษาการเติบโตอย่างยั่งยืนของแบรนด์ Mercedes-AMG ทางบริษัทฯ จึงได้มีการดำเนินกลยุทธ์เพื่อพัฒนา และวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมรรถนะสูงตระกูลใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2016 ถือเป็นการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์กว่า 10 รุ่น และนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2017 ลูกค้าของ Mercedes-AMG จะมีรุ่นรถยนต์ให้เลือกสรรสูงถึง 50 รุ่น ที่ครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์คอมแพค ที่ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบที่ทรงพลังที่สุดในบรรดารถยนต์ที่ผลิตเพื่อการจัดจำหน่ายจริง รถสปอร์ตรุ่น S 65 อันสง่างามที่ใช้เครื่องยนต์ 12 สูบ รถซาลูน และรถเอสเตทที่ใช้เครื่องยนต์หลากหลายแบบ หรือแม้แต่รถเอสยูวี รถยนต์สไตล์คูเป้ รถเปิดประทุนสไตล์คาบริโอเลต์ และโรดสเตอร์ ซึ่งเทคโนโลยีต่างๆ ที่ Mercedes-AMG เลือกใช้ยังเป็นเทคโนโลยีระดับชั้นนำของรถยนต์ในแต่ละประเภท อย่าง เทคโนโลยีขับเคลื่อนล้อหลัง เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบเกียร์แบบคลัทช์คู่ หรือระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 9 สปีด เป็นต้น

 

 

          ในปี 2017 Mercedes-AMG ได้พัฒนารถยนต์กลุ่มไฮเปอร์คาร์ที่สามารถใช้งานบนท้องถนนทั่วไปได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งถือเป็นรถไฮเปอร์คาร์รุ่นแรกที่ผลิตเพื่อจำหน่ายแก่บุคคลทั่วไป โดยรถยนต์รุ่นนี้มีจุดเด่นทางด้านสมรรถนะและอัตราการใช้พลังงานที่ยอดเยี่ยม ตามแนวคิดใหม่คือ “สมรรถนะแห่งอนาคตกับเอเอ็มจี – AMG Future Performance” ผ่านการใช้นวัตกรรมระบบส่งพลังที่ใช้ในรถยนต์ฟอร์มูล่าวัน แรงม้าสูงสุดกว่า 1,000 แรงม้า ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และใช้นวัตกรรมเพลาหน้าแบบระบบไฟฟ้า ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบัน

 

 

          เมืองอัฟฟาวเตอร์บาค ประเทศเยอรมนี เป็นสถานที่ทำงานของฝ่ายบริหาร ฝ่ายจัดการทั่วไป ฝ่ายขาย ฝ่ายพัฒนา ฝ่ายออกแบบ และทีมงานที่มีความสำคัญมาก อย่าง ทีมช่างเทคนิคผู้มีหน้าที่ประกอบเครื่องยนต์ของรถยนต์ Mercedes-AMG ด้วยมือตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ เมืองนี้คือเมืองที่เครื่องยนต์ V8 อันมีชื่อเสียงของ Mercedes-AMG ได้รับการประกอบขึ้นอย่างพิถีพิถัน ในขณะที่เครื่องยนต์แบบ 4 สูบแถวเรียงจะประกอบขึ้นที่เมืองโคลเลดา และเครื่องยนต์ V12 จะประกอบขึ้นที่เมืองมานไฮม์ โดย Mercedes-AMG ใช้ปรัชญาการผลิตเครื่องยนต์ทุกเครื่อง แบบ “1 ช่างฝีมือต่อเครื่องยนต์ 1 เครื่อง – one man, one engine” กล่าวคือ เครื่องยนต์ของรถยนต์ Mercedes-AMG แต่ละคันจะผลิตด้วยมือ และใช้ช่างฝีมือเพียง 1 คนเท่านั้นตลอดกระบวนการประกอบ และในขั้นตอนสุดท้าย ช่างฝีมือที่ประกอบเครื่องยนต์แต่ละเครื่องจะเซ็นชื่อของตนลงบนแผ่นโลหะที่ติดอยู่บนฝาครอบเครื่องยนต์เพื่อเป็นการรับรองคุณภาพ และมาตรฐาน  

 

 

          ในปัจจุบัน Mercedes-AMG เป็นผู้พัฒนาเครื่องยนต์แบบ 8 สูบ ทั้งสำหรับรถยนต์ Mercedes-AMG และรถยนต์ Mercedes-Benz รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ V8 โดยรถยนต์ Mercedes-Benz รุ่นแรกที่ใช้เครื่องยนต์ V8 ที่พัฒนาโดยช่างเทคนิค และวิศวกรของ Mercedes-AMG นั้น คือรุ่น G 500 ที่วางจำหน่ายเมื่อเดือนกันยายน 2015

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook