เขียนโดย: Monster Racing

เมื่อ: 23 มิถุนายน 2560 - 11:49

Ford สร้าง GT Supercar พร้อมทดสอบเทคโนโลยีสำหรับรถแห่งอนาคต

 

          Ford GT ยนตรกรรมประสิทธิภาพสูงรุ่นล่าสุดนั้น ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เพียงแค่คว้าชัยชนะในสนามแข่งเท่านั้น แต่ยังเป็นเสมือนสนามทดสอบเทคโนโลยีใหม่ๆ และแนวคิดสำหรับรถยนต์ในอนาคตของ Ford อีกด้วย

          “ตอนที่ทีมของเราเริ่มต้นออกแบบ Ford GT ใหม่ ในปี 2556 เรามี 3 เป้าหมายหลัก” มร. ราช แนร์ รองประธานบริหารฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคนิคของฟอร์ด กล่าว “เป้าหมายแรกคือการใช้ฟอร์ด จีที เป็นสนามทดลองสำหรับวิศวกรในการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องยนต์ใหม่ๆ สำหรับอนาคต และเพื่อทำความเข้าใจในหลักอากาศพลศาสตร์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เป้าหมายที่สองคือการขยายขอบเขตในการใช้วัสดุใหม่ๆ เช่น คาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา และเป้าหมายสุดท้ายคือการคว้าชัยชนะในการแข่งขันเลอม็องส์ 24 ชั่วโมง (Le Mans 24 Hours) ซึ่งเป็นที่กล่าวขานว่าเป็นบททดสอบประสิทธิภาพ และความอึดที่ทรหดที่สุด”

 

 

          Ford GT คือ รถที่สร้างแรงบันดาลใจอย่างแท้จริง และพิสูจน์ถึงความเป็นซุปเปอร์คาร์แห่งเทคโนโลยีสำหรับรถแห่งอนาคตของฟอร์ด ซึ่งในเดือนมิถุนายน 2560 นี้ ฟอร์ดเตรียมส่ง 4 สุดยอดรถแข่ง ฟอร์ด ชิพ กานาสซี เรซซิ่ง ฟอร์ด จีที ลงสนามป้องกันแชมป์ การแข่งรถมาราธอน 24 ชั่วโมง ณ สนาม เลอ ม็องส์

          โดยในปี 2559 Ford GT ที่ลงแข่งในหมายเลข 68, 69, 66 และ 67 เข้าเส้นชัยคว้าชัยชนะเป็นอันดับ 1, 3, 4  และ 9 ตามลำดับ และยังนับเป็นปีที่ฟอร์ดเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ที่รถแข่ง Ford GT เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1, 2  และ 3  จากการแข่งขันเมื่อปี 1966

 

 

Ford GT ใหม่ ได้พัฒนาประสิทธิภาพดังนี้

          เพิ่มความหลากหลายแก่หลักอากาศพลศาสตร์ : ปีกของ Ford GT มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของฟอร์ดที่กำลังจดลิขสิทธิ์ นั่นคือ ดีไซน์แพนอากาศที่สามารถเปลี่ยนรูปทรงได้เพื่อเพิ่มสมรรถนะของรถให้สูงสุด การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์นี้ยังรวมถึงเจอร์นี แฟลบ (Gurney Flap) หรือปีกขนาดเล็กที่ด้านท้ายรถ ซึ่งเมื่อรวมกับรูปร่างที่ปรับเปลี่ยนได้แล้ว สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของรถได้มากถึง 14%

          รูปร่างโฉบเฉี่ยวขึ้น : คาร์บอนไฟเบอร์คือองค์ประกอบสำคัญใหม่ที่ช่วยให้ Ford GT มีน้ำหนักเบา และรูปทรงโฉบเฉี่ยว ที่เหล็กหรืออลูมิเนียมไม่อาจให้ได้

 

 

          เติมเชื้อเพลิงให้เครื่องยนต์ และส่วนอื่นๆ : เครื่องยนต์อีโค่บูสท์ 3.5 ลิตร ของ Ford GT คือเครื่องยนต์อีโค่บูสท์ที่ทรงพลังที่สุดของบริษัท และมอบพลังสูงถึง 647 แรงม้า โดยได้รับการพัฒนาควบคู่กับเครื่องยนต์จีทีสำหรับแข่งขัน และเครื่องยนต์อีโค่บูสท์ 3.5 ลิตร ที่ใช้ในรถกระบะออฟโรดรุ่น เอฟ-150 แรพเตอร์ ซึ่งมีส่วนประกอบเหมือนกับเครื่องยนต์จีทีเกือบ 60%

          ลดความสูงลง : จุดประสงค์เดียวของการลดน้ำหนัก และการพัฒนาเครื่องยนต์คือการสร้าง Ford GT ที่เร็วที่สุด และเปี่ยมประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่เคยมีมา” มร. แพริแคค กล่าว “เมื่อบรรลุจุดประสงค์แล้ว เราจึงแทนที่น้ำหนักที่หายไปด้วยสุดยอดนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทำ Ford GT เร็วขึ้น และขับสนุกยิ่งขึ้นไปอีก

          เทคโนโลยีสำหรับทุกคน : บทบาทของ Ford GT ในฐานะสนามทดสอบเทคโนโลยีนั้นเด่นชัดในทุกส่วนของรถ ด้วยนวัตกรรมต่างๆ เช่น คาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา ที่สามารถนำไปใช้พัฒนาผลิตชิ้นส่วนอื่นๆ ได้ในอนาคต ในขณะที่นวัตกรรมบางอย่างถูกนำไปใช้ในรถรุ่นที่กำลังจะออกวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้ เช่น เทคโนโลยีแผงหน้ารถดิจิตอล ซึ่งคล้ายกับที่ใช้ใน Ford GT จะอยู่ในฟอร์ด มัสแตง ปี 2008 และรถรุ่นใหม่อื่นๆ

 

 

          นอกจากนี้ บริษัทยังเร่งขยาย โหมดขับขี่ตามความต้องการ (Customized Driving Mode) เพื่อช่วยให้ลูกค้าปรับสมรรถนะของรถให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ โหมดขับขี่แบบแข่งขัน (Track Mode) ของฟอร์ด จีที จะอยู่ในฟอร์ด มัสแตง และรถเพอร์ฟอร์มานซ์รุ่นอื่นๆ เพื่อช่วยเพิ่มสมรรถนะการแข่งขัน ในขณะที่ฟอร์ด เอฟ-150 แรพเตอร์ รุ่นใหม่ จะมาพร้อมโหมดบาจาออฟโรด (Baja off-road)

          ในขณะที่ Ford GT ใหม่ กำลังทยอยออกไปสู่มือลูกค้า ลูกค้าฟอร์ดสามารถคาดหวังว่าจะได้พบกับจิตวิญญาณของ Ford GT ในรถรุ่นใหม่ๆ อย่างแน่นอน

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook