Toyota ประเทศญี่ปุ่น เผยโฉม New Toyota Harrier 2017 เอสยูวีพรีเมี่ยมโฉมไมเนอร์เชนจ์ เน้นเพิ่มออพชั่นที่ทันสมัย หรูหรา และระบบความปลอดภัยใหม่ ร่วมกับการตกแต่งภายนอกและภายในที่สวยงาม หรูหรายิ่งขึ้น ส่วนขุมพลังจะมีเครื่องยนต์เบนซิน 3 สไตล์ ทั้งเบนซินธรรมดา, เบนซินไฮบริด และเบนซินเทอร์โบรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นมา
เริ่มจากภายนอกที่มาพร้อมกับโคมไฟหน้า พร้อมระบบไฟที่ใช้เป็นไฟ LED ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า, ไฟ Daylight, ไฟเลี้ยว, ไฟตัดหมอก ฯลฯ ทั้งนี้ตัวโคมไฟหน้าได้รับการออกแบบให้รับกับกระจังหน้า รวมไปถึงเพิ่มลูกเล่นไฟเลี้ยวที่วิ่งออกจากกระจังหน้าสู่คิ้วโคมไฟเป็นระยะ ส่วนไฟท้ายจะเป็น LED แบบ Combination Lamp พร้อมไฟตัดหมอกท้ายที่สามารถปรับระดับและบันทึกความจำระดับแสงสว่างได้
ด้านภายในจะได้รับการปรับเปลี่ยนวัสดุตกแต่งภายในที่ให้อารมณ์ทั้งความหรูและความสปอร์ต โดยขึ้นกับรุ่นย่อย ซึ่งการปรับโฉมในครั้งนี้ได้เพิ่มลูกเล่นใหม่อย่างไฟส่องภายในสีฟ้าจากไฟ LED รอบห้องโดยสาร สำหรับระบบมัลติมีเดียจะมีทั้งจอสัมผัส 9.2 นิ้ว แบบ TFT พร้อมลำโพง 11 ตำแหน่งจาก JBL รอบห้องโดยสาร
สำหรับออพชั่นภายในที่ได้รับการปรับเพิ่มนั้น เริ่มจากเรือนไมล์พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ที่ได้รับการเพื่อไฟเรืองแสงที่เรือนไมล์ตามรุ่นเครื่องยนต์ ซึ่งในรุ่นเทอร์โบจะเป็นไฟสีแดง ส่วนเครื่องยนต์ธรรมดายังคงเป็นสีขาว และเครื่องยนต์ไฮบริดจะเป็นไฟสีฟ้า รวมไปถึงระบบเบาะนั่งฝั่งคนขับที่สามารถถอยหลังได้หลังจากดับเครื่องยนต์และถอดเข็มขัดออก และหากสตาร์ทรถ เบาะคนขับก็จะปรับตำแหน่งตามที่บันทึกเอาไว้ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการเข้าออก
Toyota Harrier 2017 โฉมไมเนอร์เชนจ์ ได้บรรจุระบบความปลอดภัยใหม่ Toyota Safety Sense P ที่ประกอบไปด้วยเซ็นเซอร์เรดาห์ใต้กระจังหน้า กับกล้องหน้าหลังกระจกบังลม ทำหน้าที่ตรวจจับวัตถุตรงหน้าเพื่อเปิดระบบความปลอดภัยต่างๆ เช่น ระบบป้องกันการชนด้านหน้า, ระบบตรวจจับเส้นเลน, ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ, ระบบเบรกอัตโนมัติ ในช่วงความเร็ว 10 – 80 กม./ชม. ฯลฯ รวมไปถึงระบบความปลอดภัยอื่นๆ ได้แก่ ระบบตัดกำลังอัตโนมัติ หากคนขับเผลอออกรถชั่วขณะ, ระบบช่วยออกตัวทางลาดชัน, กล้องรอบคันรถ, เซ็นเซอร์ตรวจจับจุดบอดต่างๆ, ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง รอบห้องโดยสาร ฯลฯ
ปิดท้ายด้วยขุมพลังของ Toyota Harrier 2017 โฉมไมเนอร์เชนจ์ ประเดิมด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบรุ่นใหม่ สมรรถนะสูงสุด 231 แรงม้า ที่ 5,200 – 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,650 – 4,000 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ ECT 6 สปีด ให้อัตราบริโภคเชื้อเพลิงราว 12.8 กม./ลิตร (ขับเคลื่อนสี่ล้อ) และ 13.0 กม./ลิตร (ขับเคลื่อนล้อหน้า), เครื่องยนต์ไฮบริด ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร สมรรถนะสูงสุด 152 แรงม้า ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิด 206 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 – 4,800 รอบ/นาที พร้อมระบบ E-Four Power ด้วยมอเตอร์ 2 ตัว ให้สมรรถนะสูงสุด 211 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 409 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ e-CVT และขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้อัตราบริโภคเชื้อเพลิงเฉลี่ย 21.4 กม./ลิตร และเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร สมรรถนะสูงสุด 151 แรงม้าที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 193 นิวตัน-เมตร ที่ 3,800 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ให้อัตราบริโภคเชื้อเพลิงราว 14.8 กม./ลิตร (ขับเคลื่อนสี่ล้อ) และ 16.0 กม./ลิตร (ขับเคลื่อนล้อหน้า)
Toyota Harrier 2017 ได้วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศญี่ปุ่นแล้ว โดยมีให้เลือกถึงรุ่นเครื่องยนต์ละ 3 รุ่นย่อย รวมทั้งสิ้น 9 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้นที่ 2,949,480 เยน
Cr. ข้อมุลและภาพประกอบจาก toyota.jp
