Mercedes-Benz E-Class All-Terrain เอสเตทผู้เป็นที่สุดแห่งความสะดวกสบายทุกการเดินทาง

Mercedes-Benz E-Class All-Terrain

          Mercedes-Benz เผยโฉมยนตกรรมเอสเตทรุ่นใหม่ล่าสุด All-New E-Class All-Terrain ที่มอบความสะดวกสบายในการเดินทางยิ่งขึ้น รับมือการขับขี่ได้ทุกสภาพถนน พร้อมรูปโฉมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่มอบความโดดเด่น สง่างามไม่แพ้ Audi A6 All-Road และ Volvo V90 Crosscountry

รายละเอียดท้ายรถ Mercedes-Benz E-Class All-Terrain

          Mercedes-Benz E-Class All-Terrain เจเนอเรชั่นใหม่ ได้รับการปรับปรุงภายนอกใหม่หลายรายการ ทั้งการขยายซุ้มล้อ, เสริมขอบชายล่าง, ล้ออัลลอย 19 นิ้ว พร้อมกับมอบเอกลักษณ์เฉพาะด้วยกระจังหน้า 2 แถบ ส่วนภายในนั้นจะไม่ต่างจาก Mercedes-Benz E-Class Estate แต่จะได้รับการเพิ่มออพชั่นระบบควบคุมช่วงล่างใหม่ เพื่อรองรับการขับขี่แบบขาลุย

ภายในห้องโดยสารที่มอบความหรูหรา สวยงาม

          ออพชั่นที่ได้รับเพิ่มเติมในรุ่น Mercedes-Benz E-Class All-Terrain ไม่ว่าจะเป็นระบบยกตัวถังแบบถุงลม Air Body Control ที่สามารถเพิ่มความสูงตัวถังได้อีก 35 มม. จนสามารถยกความสูงได้มากถึง 156 มม. และมอบประสิทธิภาพการลดแรงสั่นสะเทือนร่วมด้วย นอกจากนี้ยังได้รับการปรับจูนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อใหม่ ร่วมกับการเสริมระบบปรับโหมดขับขี่ที่มีมากถึง 5 โหมด

อีกมุมมองหนึ่งของห้องโดยสาร

          Mercedes-Benz E-Class All-Terrain ได้รับการบรรจุเครื่องยนต์ดีเซลความจุ 2.0 ลิตร ที่มอบสมรรถนะสูงสุด 194 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic แบบ 9 สปีด มอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 8 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม. อัตราการบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 23.5 กม./ลิตร และปล่อยไอเสียที่ต่ำถึง 137 กรัม/กม. 

กระจังหน้าแถบสีเงิน 2 ชั้น

          Mercedes-Benz E-Class All-Terrain เตรียมเผยโฉมอย่างเป็นทางการในงาน Paris Motor Show 2016 ในปลายเดือนกันยายนนี้ และมีแผนวางจำหน่ายในปี 2017