ฟอร์ด ประเทศไทย ส่ง Everest 2.2L Titanium Plus ต่อยอดกระแสความนิยมเทคโนโลยีการขับขี่เหนือระดับ เพื่อมอบทางเลือกให้ลูกค้าที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายอย่างเหนือชั้น และเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อความปลอดภัยล่าสุดอย่างครบครัน ในราคา 1,549,000 บาท
คุณยุคนธร วิเศษโกสิน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย
“Ford Everest ที่สร้างนิยามใหม่ให้กับตลาดรถอเนกประสงค์ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากเทคโนโลยีอัจฉริยะและสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือคู่แข่งในตลาด Ford จึงได้นำเสนอรุ่นย่อย Ford Everest 2.2L Titanium Plus เพื่อให้ผู้บริโภคที่ชื่นชอบเทคโนโลยีอัจฉริยะสามารถเลือกขนาดเครื่องยนต์ได้หลากหลายยิ่งขึ้น” คุณยุคนธร วิเศษโกสิน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว
มอบพละกำลังการขับเคลื่อนและสมรรถนะด้านการขับขี่อันทรงประสิทธิภาพ
Ford Everest 2.2L Titanium Plus ใช้เครื่องยนต์ดีเซลดูราทอร์ค ทีดีซีไอ วีจี เทอร์โบ (Duratorq TDCi VG Turbo) ขนาด 2.2 ลิตร แบบ 4 สูบ กำลังสูงสุด 160 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 385 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบขับเคลื่อนสองล้อและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่สามารถมอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลและมอบความคล่องตัวในระดับที่เหนือความคาดหมาย ด้วยช่วงล่างแบบคอยล์สปริงหน้า-หลัง พร้อมวัตต์ลิงค์ที่เพลาหลัง เพื่อมอบความนุ่มนวลและการเกาะถนนได้อย่างดีเยี่ยม เหมาะกับสภาพถนนในเมืองและนอกเมือง นอกจากนี้ ยังมาพร้อมความสูงจากพื้นรถ ถึง 225 มิลลิเมตร สูงที่สุดในรถระดับเดียวกัน พร้อมลุยน้ำได้ที่ความลึกสูงสุดถึง 800 มิลลิเมตร
เทคโนโลยีช่วยในการขับขี่อัจฉริยะ มอบความอุ่นใจและเสริมความปลอดภัยทุกการเดินทาง
Ford Everest 2.2L Titanium Plus มอบเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่อัจฉริยะ (Advanced-Driving Assist Technology) ใหม่ล่าสุด เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ขับขี่อันเหนือชั้น ปลอดภัยและสะดวกสบายอีกระดับ ได้แก่
สัมผัสถึงความทันสมัยของระบบสื่อสารและความบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบ
Ford Everest 2.2L Titanium Plus ติดตั้งระบบสั่งงานด้วยเสียง ซิงค์ 3 (SYNC 3) ที่มีการพัฒนาให้ใช้งานได้ง่ายและสะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะใช้เสียงสั่งการหรือการสัมผัสบนหน้าจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว เพื่อควบคุมการทำงานอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง ระบบปรับอากาศ และอุปกรณ์พกพาต่างๆ ที่เชื่อมต่อกับตัวรถได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งรองรับการทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นบนมือถือ Apple Car Play และ Android Auto
พร้อมระบบเพื่อความบันเทิงเต็มรูปแบบด้วยลำโพงคุณภาพสูงถึง 10 ตัวรวมซับวูฟเฟอร์ มอบเสียงที่ชัดเจนพร้อมเสียงเบสทุ้มลึกและหนักแน่น ในห้องโดยสารที่เงียบและปราศจากเสียงรบกวน โดยการติดตั้งเทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวน (Active Noise Cancellation) เพื่อความรู้สึกที่เป็นส่วนตัวและได้รับความบันเทิงสูงสุด
ประสานความบึกบึนภายนอกและความสะดวกสบายหรูหราภายใน
โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่บึกบึนแข็งแกร่ง สื่อถึงสมรรถนะในการขับขี่ที่เหนือชั้นและเทคโนโลยีล้ำสมัยที่อยู่ภายใน ส่วนหน้ารถที่ดูดุดันด้วยไฟหน้าขนาดใหญ่ พร้อมไฟวิ่งกลางวันแบบแอลอีดี และล้ออัลลอย 20 นิ้ว ทำให้ Ford Everest ดูโดดเด่นในทุกๆ ที่
ห้องโดยสารของ Ford Everest ใหม่ หรูหราโดดเด่นด้วยวัสดุคุณภาพสูง และเส้นสายรอบคันที่สอดประสานกันอย่างกลมกลืนภายในห้องโดยสารขนาด 7 ที่นั่ง ที่ทั้งประณีต นั่งสบาย และใช้งานสะดวกด้วยคุณสมบัติมากมาย ทั้งหลังคาแบบพาโนรามิคมูนรูฟขนาดใหญ่เปิดกว้างได้ถึงแถวที่นั่งด้านหลัง ช่องเก็บของเพื่อวางแก้วน้ำและอื่นๆ กว่า 30 ช่อง ปลั๊กต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและด้านหลัง และปลั๊กไฟบ้านเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น เบาะนั่งสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับทุกการใช้งานได้โดยเบาะนั่งแถวที่สองและสาม สามารถแยกพับและพับเก็บให้แบนราบได้ทั้งสองแถว เพื่อการบรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่ได้ถึง 2,010 ลิตร รวมทั้งเพิ่มความสะดวกในการพับเบาะด้วยระบบไฟฟ้าสำหรับเบาะแถวที่สาม รวมถึงประตูท้ายรถเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบป้องกันประตูหนีบ
Ford Everest 2.2L Titanium Plus มีสีให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีบลู รีเฟล็กซ์ เมทัลลิก (Blue Reflex Metallic) สีขาว คูล ไวต์ (Cool White) สีดำ เจ็ท แบล็ก เมทัลลิก (Jet Black Metallic) สีเงิน อะลูมินัม เมทัลลิก (Aluminum Metallic) สีทอง สปาร์คลิ่ง โกล์ด เมทัลลิก (Sparkling Gold Metallic) และสีแดง ซันเซต เมทัลลิก (Sunset Metallic) โดยภายในมีสีดำและสีเบจ (ขึ้นอยู่กับสีภายนอก) โดยเปิดรับจองแล้วตั้งแต่วันนี้และกำหนดส่งมอบรถในเดือนสิงหาคม เป็นต้นไป
“เพื่อเป็นการรองรับความต้องการของลูกค้า และผลักดันภาพรวมยอดขาย Everest เราได้มีการเพิ่มกำลังการผลิต Ford Everest 3.2L Titanium Plus ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ทันใจมากขึ้น ในขณะเดียวกันเราได้เพิ่มความดึงดูดให้ Ford Everest 2.2L Titanium Plus ด้วยการปรับราคาเป็น 1,359,000 บาท เพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นอีกด้วย” คุณยุคนธร วิเศษโกสิน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวเสริม
