Lewis Hamilton
นักขับ F1 สัญชาติอังกฤษจากทีม Mercedes อย่าง Lewis Hamilton โชว์ฟอร์มเจ๋ง ขึ้นนำในรอบสุดท้ายหลังจากการปะทะกับทาง Nico Rosberg เพื่อนร่วมทีมเดียวกันและส่งผลให้ Hamilton นั้นขึ้นไปคว้าธงตราหมากรุกเป็นคนแรกได้สำเร็จในการแข่งขัน F1 2016 ในรายการ Austrian GP เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา
ความมันส์ของการออกตัวในช่วงแรก
Sebastian Vettel ที่ยางหลังระเบิดจนทำให้รถเข้าไปกระแทกกับกำแพง
Safety Car ที่ออกมาควบคุมการแข่งขันหลังเกิดอุบัติเหตุ
โดยในสนามนี้ผู้ที่ออกสตาร์ทในตำแหน่งโพลโพซิชั่น ก็ได้แก่ทาง Lewis Hamilton นักขับจากทีม Mercedes ตามมาด้วย Nico Hulkenberg จากทีม Force India และ Jenson Button ในอันดับที่ 2 และ 3 ในกริดสตาร์ทที่ 4 ก็เป็นทาง Kimi Raikkonen นักขับฝีมือดีจากทาง Ferrari และ Daniel Ricciardo ของ Red Bull ที่ออกสตาร์ทในกริดที่ 5 ส่วนทาง Nico Rosberg นั้นต้องหล่นไปออกสตาร์ทในอันดับที่ 6 เนื่องจากโดนปรับโทษในเรื่องของการเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งหลังจากออกสตาร์ท Hamilton ก็ยังคงสามารถรักษาฟอร์มได้อย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าเขาจะมีปัญหาในเรื่องยางไปบ้าง แต่ในที่สุดเมื่อการแข่งขันดำเนินมาถึงรอบที่ 22 เมื่อ Hamilton นั้นเข้า pit เขาก็ถูกทาง Rosberg ที่ไล่แซงจากอันดับ 6 มาตั้งแต่ต้นการแข่งขันแซงขึ้นเป็นผู้นำได้สำเร็จ แต่แล้วในรอบการแข่งขันที่ 26 ยางหลังของทาง Sebastian Vettel ก็เกิดระเบิดขึ้นไปช่วงทางตรงทำให้รถของเขานั้นเสียหลักและหมุนไปชนกับกำแพง จนทำให้ Safety Car ต้องออกมาควบคุมการแข่งขัน และเนื่องจากการชนในครั้งนี้ก็ส่งทำให้รถแข่งของทาง Nico Rosberg เสียหายด้วยเช่นเดียวกัน
Nico Rosberg ที่รถแข่งมีปัญหาหลังจากการปะทะในรอบสุดท้าย
Lewis Hamilton ที่เข้าเส้นชัยเป็นคนแรก
โฉมหน้าผู้ชนะทั้ง 3 อันดับ
จนเมื่อการแข่งขันเดินทางมาถึงรอบสุดท้าย ก็เกิดดราม่ากันระหว่างทีม Mercedes เมื่อทาง Lewis Hamilton และ Nico Rosberg เกิดปะทะกันในโค้งที่ 2 ทำให้รถแข่งของทั้งคู่นั้นเสียหาย แต่ดูเหมือนว่ารถแข่งของทาง Rosberg จะมีปัญหามากกว่าและช้าลงอย่างมากเนื่องจากการชนกับเศษยางก่อนหน้านี้ ทำให้เมื่อครบกำหนด 71 รอบการแข่งขัน ผู้ที่เข้าธงตราหมากรุกเป็นคนแรกก็ได้แก่ทาง Lewis Hamilton ที่ทำเวลารวมทั้งหมดไว้ที่ 1:27'38.107 ชั่วโมง ตามมาด้วย Max Verstappen จากทีม Red Bull ที่ทำเวลาตามมาที่ 5.719 วินาที อันดับที่ 3 ก็ได้แก่ทาง Kimi Raikkonen ที่ทำเวลาตามหลังผู้นำ 6.024 วินาที ส่วนอันดับที่ 4 ก็เป็นทาง Nico Rosberg ที่ประคองรถเข้าเส้นชัยได้สำเร็จและตามมาด้วย Daniel Ricciardo จากทีม Red Bull ที่เข้าเส้นชัยตามมาเป็นอันดับที่ 5
