เขียนโดย: Monster Racing

เมื่อ: 28 มีนาคม 2559 - 11:58

Aston Martin เผยโฉม DB11 ครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก ในงาน Motor Show 2016

 

 

Aston Martin เผยโฉม DB11 ครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก ในงาน Motor Show 2016

 

 

          Aston Martin Bangkok ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย (MGC-ASIA) เปิดตัวยนตกรรมรุ่นพิเศษ DB10 และ DB11 ครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก ภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2016 หลังจากเผยโฉมครั้งแรกในโลกในงาน Geneva Motor show เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

          คุณคมกริช นงค์สวัสดิ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เฮอริเทจ มอเตอร์ เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส (ไทยแลนด์) จำกัด ภายใต้ บริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย (MGC-ASIA) กล่าวว่า "ปีนี้เป็นปีที่พิเศษสุดสำหรับ Aston Martin ในงาน Motor Show 2016 ที่ Aston Martin ได้นำไฮไลท์พิเศษมาเปิดตัวถึงสองรุ่นให้เศรษฐีไทยได้สัมผัสก่อนใครในเอเชีย ได้แก่ Aston Martin DB10 ซึ่งรุ่นนี้ผลิตขึ้นมาเพียง 10 คันเท่านั้น สำหรับใช้ในภาพยนตร์เจมส์บอนด์ 007 ภาคล่าสุดสเปกเตอร์ เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้รับชมรถคันจริงเป็นครั้งแรก ซึ่งเหลืออยู่เพียงคันเดียวในโลกหลังจากการถ่ายทำภาพยนตร์ และอีกหนึ่งรุ่นสุดพิเศษนั่นก็คือ Aston Martin DB11 ที่จะมาเผยโฉมเป็นครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก โดย DB11 เป็นรถยนต์รุ่นแรกภายใต้แผนก้าวสู่ศตวรรษที่ 2 ของ Aston Martin และเป็นรถตระกูล DB ที่แรงที่สุดเท่าที่ Aston Martin เคยผลิตมา"

 

 

          Aston Martin DB11 โดดเด่นด้วยดีไซน์ใหม่ล่าสุดอันเป็นเอกลักษณ์ และระบบพลศาสตร์ระดับแนวหน้า ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V12 ทวินเทอร์โบ 5.2 ลิตร รุ่นล่าสุดจาก Aston Martin ด้วยโครงสร้างอะลูมิเนียมแบบเชื่อมเป็นชิ้นเดียวที่เบาขึ้น แกร่งขึ้น และประหยัดพื้นที่มากขึ้น DB11 จึงเป็นยนตรกรรม DB อันเปี่ยมด้วยสมรรถนะ ประสิทธิภาพ และความปราดเปรียวมากที่สุดเท่าที่ Aston Martin เคยมีมา และนี่คือยนตรกรรมชั้นนำรุ่นล่าสุดจาก Aston Martin นับตั้งแต่มีการเปิดตัว DB9 เมื่อปี 2003

          DB11 คือ ภาพสะท้อนดีไซน์ยุคใหม่ของ Aston Martin ซึ่งได้เคยให้กำเนิดยนตรกรรมอันเป็นเอกลักษณ์มาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น DB2/4, DB5 และล่าสุด DB10 ที่ได้รับการสร้างสรรค์ให้เป็นพาหนะคู่ใจของ James Bond โดยเฉพาะ DB11 ผสานรูปทรงกับฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ ได้อย่างลงตัวภายใต้ดีไซน์รูปแบบใหม่อันเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะฝากระโปรงหน้าแบบบานพับด้านหน้าดีไซน์เปลือกหอย ไฟหน้า LED อันโดดเด่น และกระจังหน้าที่ตอกย้ำภาพลักษณ์แห่ง Aston Martin อย่างชัดเจน สะกดทุกสายตาด้วยแผ่นหลังคารถที่เดินแนวจากเสา A ถึงเสา C อย่างพลิ้วไหวไม่สะดุด ต่อไปถึงท้ายรถกับฝากระโปรงท้ายแบบโค้งที่สอดประสานเข้ากับไฟท้ายอันโดดเด่นได้อย่างกลมกลืน ให้ภาพลักษณ์แบบใหม่ที่ไม่ซ้ำแบบใคร

          หัวใจที่สูบฉีด DB11 ให้ขับเคลื่อน อยู่ใต้ฝากระโปรงหน้า เช่นเดียวกับยนตรกรรม Aston Martin ทุกรุ่น แต่สิ่งที่แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ก่อนหน้านี้ ได้แก่ เครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ V12 5.2 ลิตร ที่มาพร้อมขุมพลัง 608 แรงม้า และมีแรงบิด 700 นิวตัน-เมตร ซึ่งถือเป็นยนตรกรรม DB ที่เปี่ยมพลังมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทั้งยังปราดเปรียวและรวดเร็วอย่างเหนือชั้นด้วยความเร็วสูงสุดถึง 320 กม./ชม. และเร่งความเร็วจาก 0 เป็น 100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.9 วินาที ผสานสมรรถนะจากระบบสั่งการอัจฉริยะและเทคโนโลยีหยุด-เดินเครื่องอัตโนมัติเพื่อประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

          เพื่อให้ใช้ประโยชน์จากโครงสร้างตัวถังแบบใหม่และขุมพลังเต็มเปี่ยมจากเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ V12 รุ่นใหม่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งแชสซี ระบบกันสะเทือน ระบบบังคับเลี้ยว และระบบอิเล็กทรอนิกส์ของ DB11 ล้วนออกแบบขึ้นใหม่เพื่อให้รองรับเทคโนโลยีรุ่นใหม่โดยเฉพาะโหมดขับเคลื่อนที่เลือกได้หลายรูปแบบทั้ง GT, Sport และ Sport Plus ช่วยกระตุ้นการทำงานของเครื่องยนต์, เกียร์ ZF อัตโนมัติความเร็ว 8 ระดับ, พวงมาลัยเพาเวอร์ระบบไฟฟ้ารุ่นใหม่ และระบบ Torque Vectoring ให้การตอบสนองได้อย่างฉับไว ด้วยการเบรกพร้อมกับเพิ่มความมั่นคงของระบบกันสะเทือนแบบปรับระดับได้ เพื่อสัมผัสแห่งความคล่องตัวอันเหนือกว่า ผลที่ได้คือประสบการณ์การขับขี่ที่ผสานความสบายในการขับอย่างเหนือชั้นเข้ากับความคล่องตัวตามแบบฉบับของรถสปอร์ตได้อย่างลงตัวเพื่อสมรรถนะแห่งความปราดเปรียวอันไร้ขีดจำกัด

 

          

          พบกับที่สุดของ High Luxury Sport Car สัญชาติอังกฤษ Aston Martin ได้ภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 3 เมษายน 2559 ณ ชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

 

 

 

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook